ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครปฐม-นนทบุรี ซุกทรัพย์สินนับสิบรายการ
ศาลฎีกาฯฟัน รองนายก อบต.พระประโทน จ.นครปฐม ซุก ที่ดิน เงินฝาก รถ 29 รายการ สท.ปากเกร็ด ไม่แสดงมอเตอร์ไซค์ เชฟโรเลต เงินบุตรนอกสมรส 3 บัญชีฯ ให้พ้นตำแห่งทันที ปรับเงิน คนละ 4,000-8,000 บาท จำคุก 1-2 เดือน รอลงโทษจำคุก 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2561 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้นักการเมือง 2 รายมีความผิดในคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ปรับเงิน คนละ 4,000-8,000 บาท จำคุก 1-2 เดือน รอลงโทษจำคุก 1 ปี ดังนี้
1.นายธงพร วาดด้วงมา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พระประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตาแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่ง รองนายก อบต.พระประโทน ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบต.พระประโทน ครั้งที่ 2 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต. พระประโทน ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในวันที่ 12 ก.พ.2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 19 เม.ย. 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จาคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอ การลงโทษไว้มีกาหนด 1 ปี
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ศาลฎีกาฯวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.พระประโทน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2553 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2555 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. พระประโทน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2555 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ตามคาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธ.ค.2557 และศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้รับ คำร้องไว้พิจารณา คือวันที่ 12 ก.พ.2561
สำหรับกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. พระประโทน ครั้งที่ 1 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 7 รายการ ที่ดิน 1 รายการ ยานพาหนะ 2 รายการ ทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 รายการ ที่ดิน 1 รายการ ยานพาหนะ 2 รายการ และเงินกู้ธนาคารออมสิน 1 รายการ
กรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบต. พระประโทน ครั้งที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 5 รายการ ที่ดิน 2 รายการ ยานพาหนะ 2 รายการ ทรัพย์สินของคู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 รายการ ที่ดิน 1 รายการ ยานพาหนะ 1 รายการ รวม 29 รายการ
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงและให้ถ้อยคำต่อผู้ร้อง
ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงทำนองว่าหลงลืม ไม่ทราบว่าตนหรือคู่สมรสมีทรัพย์สินรายการดังกล่าว บัญชีธนาคารไม่มียอดเงินคงเหลือ ไม่มีเวลาหาเอกสารหลักฐาน และเอกสารหลักฐานอยู่กับบุคคลอื่น
แต่คำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาไม่น่าเชื่อถือและเป็นการง่ายแก่การกล่าวอ้าง ไม่มีเหตุผลเพียงพอให้รับฟัง พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สาคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อานาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.51/2561-19 เม.ย.2561)
2. นายสมัย ศิริจันทร์ สมาชิกสภาเทศบาลนครปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลนครปากเกร็ด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลนครปากเกร็ดที่ดำรงอยู่ในวันที่ 12 ก.พ. 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมืองมีคาสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 19 เม.ย. 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคสอง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกาหนด 1 ปี
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า คดีนี้ นายสมัย ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวม 3 บัญชี เป็นเงิน 533,006.16 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า หมายเลขทะเบียน รยธ กรุงเทพมหานคร 0860 และรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเล็ต หมายเลขทะเบียน ชพ 6389 กรุงเทพมหานคร
ป.ป.ช. ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่า เหตุที่ไม่แสดงรายการบัญชีเงินฝากชื่อของตนเองเพราะเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินในวาระก่อนหน้านี้ โดยแสดงรายการเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาปากเกร็ด เลขที่ 123-0-09092-4 ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่รับค่าตอบแทนจากเทศบาลนครปากเกร็ด จึงแสดงรายการบัญชีเงินฝากเหมือนที่เคยยื่นในครั้งก่อน เพราะง่ายต่อการกรอกแบบบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ส่วนบัญชีเงินฝากชื่อเด็กหญิง เนื่องจากเด็กหญิง เป็นบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่เกิดจากภรรยานอกสมรส ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่ได้แสดงรายการเงินฝาก สำหรับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า ผู้ถือกรรมสิทธิ์คือ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเพียงผู้ครอบครองผ่อนชำระค่างวดครบและยกรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ให้น้องสาวไปแล้ว ส่วนรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเล็ตนั้น ผู้ถูกกล่าวหาเช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจาก ธนาคารทิสโก้ จากัด (มหาชน) แทนนายถาวร ศิริจันทร์ ซึ่งเป็นน้องชาย ภายหลังนายถาวร ไม่ผ่อนชาระค่าเช่าซื้อ ผู้ถูกกล่าวหาจึงนำเงินไปชำระหนี้ที่เหลือแทนน้องชายจนครบถ้วน โดยผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าได้มีการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันที่เช่าซื้อเป็นของน้องชาย เมื่อพิเคราะห์คำชี้แจง ของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการง่ายต่อการกล่าวอ้างไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีเหตุผลเพียงพอให้รับฟัง ทั้งใน ชั้นพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพตามคำร้อง
พฤติการณ์ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อานาจรัฐ จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.49/2561-19 เม.ย.2561)
อ่านประกอบ:
สมาชิกเมืองพัทยาจงใจซุกบ้าน! ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีฯ