3 พี่น้องชินวัตร ‘โอ๊ค-เอม-อุ๊งอิ๊ง’ เปิดใจหนังสือทักษิณ มองสะท้อนชีวิตไล่ตั้งแต่เด็ก - วันรัฐประหาร 49 - ปลายทางชินวัตร ย้ำถ้ากลับมาไม่เล่นการเมือง เลี้ยงหลาน ‘พินทองทา’ ลั่นลงการเมืองพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มาใหญ่ แต่มาเพราะเส้นทางนี้อยู่ใน DNA
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 19 ตุลาคม 2565 ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 27 จัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการเปิดตัวหนังสือ ‘Thaksin Shinnawatra Theory and Thought: ทักษิณ ชินวัตร หลักการและความคิด’ จัดพิมพ์โดย บริษัท เวิร์คส ครีเอทีฟ จำกัด วางขายในบูธพรรคเพื่อไทย (I39) ซึ่งสำนักข่าวอิศรา ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ต้องหาหลบหนีคดีอาญาไปแล้วนั้น
ส่วนหนึ่งของหนังสือดังกล่าว มีการสัมภาษณ์บุตรชายและบุตรสาว 3 คน ได้แก่ นายพานทองแท้ ชินวัตร, นางสาวพินทองทา คุณากรวงศ์ ชินวัตร และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ความยาว 7 หน้า สรุปได้ ดังนี้
@พ่อ ‘ทักษิณ’
นางสาวแพทองธาร เริ่มต้นเล่าถึงภาพจำของนายทักษิณ เมื่อสมัยยังเยาว์วัยว่า ตนเติบโตมานายทักษิณก็เข้าสู่วงการการเมืองแล้ว โดยมีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามในการพบปะประชาชนตั้งแต่อายุ 8 ปี หรือช่วงปี 2541 ที่นายทักษิณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกำลังก่อร่างสร้างพรรคไทยรักไทย ดังนั้น ตนกับนายทักษิณจึงมีความสนิทสนมกันมาก เพราะได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อเยอะ
“มีอยู่ครั้งหนึ่ง เวลาพ่อ (นายทักษิณ) ไปส่งที่โรงเรียน เมื่อรถกำลังจะเลี้ยวเข้าประตู ใจมันจะหล่น และมันรู้สึกแบบพ่อกำลังจะเดินจากไป เราก็ร้องไห้ออกมา ซึ่งเป็นแบบนั้นจน 10 ขวบ ถือว่าโตแล้วนะ จำได้ว่าพ่อโดนแม่ (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) ดุว่า ทำไมเธอไปส่งลูกทีไรลูกต้องกลับบ้านมาทุกทีฉันก็ส่งไม่เห็นมีปัญหาเลย” นางสาวแพทองธารระบุตอนหนึ่ง
นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี คืนวันที่ 19 ก.ย. 49 จากมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ภาพจาก วัดไทย ลาสเวกัส
@เผชิญหน้า รัฐประหาร 2549
เมื่อเข้าสู่เนื้อหาในช่วงการรัฐประหารปี 2549 นายพานทองแท้ เป็นผู้ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวว่า ตอนนั้นพูดกับนายทักษิณว่า เราต้องแก้ข่าวที่เกิดขึ้น ช่วงนั้นถูกใส่ร้ายทุกวัน ปล่อยให้คนเป่าหูประชาชนทุกวันไม่ได้ เรื่องไม่จริงก็ต้องแก้ข่าว แต่นายทักษิณบอกว่า ไม่ต้องสนใจคนพวกนี้ เพราะเราทำงาน เราทำเพื่อประชาชน ซึ่งตนคาดว่าที่นายทักษิณบอกแบบนั้น เพราะนายทักษิณเชื่อว่า ได้ทำงานถวายงานอย่างสุดหัวใจ คงไม่เกิดเรื่องอะไร แต่ช่วงนั้นก็เริ่มมีกระแสการรัฐประหาร ที่มาพร้อมกับการรุกไล่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จนต้องออกปากเตือนนายทักษิณอีกรอบ
“ตอนนั้น พ่อไปต่างประเทศค่อนข้างนาน โดยในช่วงวันที่มีการรัฐประหาร มีนัดประชุมที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly - UNGA) บอกว่า พ่อครับเหตุการณ์อย่างนี้อย่าไปเลย มันเสี่ยง ควรอยู่ในประเทศ แต่พ่อบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร ก็ดูแลไว้หมดแล้ว พวก ผบ.ทบ. (พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน) ตั้งมาเองกับมือ พ่อไว้ใจทุกคน ซึ่งพ่อเป็นคนที่ถ้าไว้ใจใครแล้ว ก็จะไว้ใจเลย” นายพานทองแท้ระบุ
ในคืนวันที่ 19 ก.ย. 2549 นายพานทองแท้กล่าวว่า คืนนั้นไม่ได้กลับบ้าน นอนในรถ เพราะมีทหารมาตรวจตราอยู่หน้าบ้าน
จากนั้น ทั้งสามพี่น้อง กล่าวว่า ในวันที่เกิดรัฐประหาร เป็นวันที่นายทักษิณดูเครียดที่สุด เพราะครอบครัวเหมือนถูกจับเป็นตัวประกัน เป็นการละลาบละล้วงเข้ามาถึงครอบครัว ซึ่งเรื่องแบบนี้นายทักษิณไม่ยอม และมักจะยอกเสมอว่า การเมืองเล่นกันในสภา ไม่ใช่มาเล่นที่บ้าน
@ย้ำ ‘ ทักษิณ’ ลาการเมืองแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายพานทองแท้ระบุถึงนายทักษิณว่า ตอนนี้พ่อไม่ได้อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว พ่ออยากอยู่กับลูกกับหลาน เพราะชีวิตก็เข้าสู่ช่วงบั้นปลายแล้ว ไม่มีสิทธิ์เลยที่พ่อจะกลับมาเล่นการเมืองอีก บทบาทตอนนี้คือการเรียนรู้เรื่องราวและสิ่งใหม่ๆ เป็นครูก็ได้ เป็นที่ปรึกษาก็ได้
เมื่อถามว่า แคร์หรือไม่กับการที่นายทักษิณยังมีคนที่รังเกียจอยู่ ประเด็นนี้นางสาวพินทองทา ตอบว่า เราไม่สามารถไปควบคุมความคิดใครได้ และไม่สามารถโน้มนาวให้คนชอบเราได้ทั้งหมด ตอนนี้เรามีลูกแล้ว ถ้าไปปะทะกับข้างนอกกลับเข้ามา อาจจะทำให้อารมณ์มันซึมไปที่ตัวเด็กได้ ก็ได้แต่บอกลูกว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้คนทุกคนยอมรับ มันเหนื่อยเกินไป
@ปลายทาง ‘ชินวัตร’
ช่วงท้าย เมื่อถามว่า อะไรทำให้ครอบครัวชินวัตรยังสู้ต่อ แม้ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่ถอยลงทุกด้าน ประเด็นนี้นางสาวแพทองธารตอบว่า เพราะครอบครัวคือที่พึ่งสำคัญ ไม่ว่าจะไปทางไหน เราคุยกันก่อนเสมอ
ส่วนการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้มองว่าตัวเองมาด้วยความยิ่งใหญ่ เราเป็นส่วนเล็กๆ แน่นอนตำนานพรรคการเมือง ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย มีนายทักษิณเป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นเส้นทางนี้มันิยู่ใน DNA แยกไม่ได้ ตนเป็นลูก ตนโตมาแบบนี้
“กระบวนการยุติธรรมมันชอบฉีกกฎหมายเล่น ถึงเวลาแพ้ก็ล้มเกมซะเลย อย่างวันที่รัฐประหาร เศรษฐกิจแย่ไหม ก็ไม่นะ วันนี้คุณโกหกไปเถอะ จะช้าหรือเร็วก็ต้องเจอเรื่องจริงอยู่ดี” นางสาวแพทองธารกล่าว
ด้านนายพานทองแท้ แสดงความเป็นห่วงน้องสาวคนเล็กว่า เป็นห่วงมากที่สุดคือการเล่นนอกกติกา เมืองไทยถ้าไม่ล้มโต๊ะ มันก็ใช้ใต้โต๊ะ มีแค่ 2 อย่างนี้ แต่เราคิดว่า บทเรียนจากอาปู (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) บทเรียนจากพ่อ เราต้องทำอะไรให้ดีขึ้น วันนี้เราเชื่อว่า รัฐประหารไม่สามารถทำได้ง่ายๆแล้ว จะหาเหตุผลอะไรมาทำ ความจริงทุกอย่างมันค้นหาในอินเทอร์เน็ต ใครจะขุดเรื่องมาหาเหตุทำรัฐประหารได้อีก
“ถ้าไม่มีรัฐประหาร พวกเราก็จะได้อยู่พร้อมหน้ากัน พ่อแม่ลูกรวมถึงอาปู มันเรียบง่ายที่สุดแล้วนะ แล้วผมเชื่อว่าคนไทยจะลำบากน้อยลงตรงนี้สำคัญที่สุด และเชื่อว่าทั้งพ่อและแม่จะไม่เสียดายในสิ่งที่ทำไว้ เราสามพี่น้องสามัคคีคือความสบายใจที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่” นายพานทองแท้ระบุช่วงท้าย
ภาพปก-ภาพประกอบจากหนังสือ ‘Thaksin Shinnawatra Theory and Thought