‘อรรถวิชช์’ ยื่นสตง.ลุยสอบ งบน้ำท่วมกทม. 26 เขต วงเงิน 111 ล้าน 72 โครงการ ถูกผันเป็นงบงานสัมมนา ระุบเจตนาดีไม่ต้องการดิสเครดิต ‘ชัชชาติ’ โต้ ‘2 รองผู้ว่า-วิโรจน์’ ไปค้นเอกสารมาใหม่ เตือนดึงดันจัดซื้อจัดจ้าง เสี่ยงถูกชงเรื่องถึง ป.ป.ช.ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 13 กันยายน 2565 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยขอให้ตรวจสอบการแปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2566 ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมหลักฐานเอกสารคำแปรญัตติ โดยไม่ได้มายื่นเฉพาะเขตจตุจักร แต่ขอให้ตรวจสอบรายการงบประมาณใน 26 เขต ได้แก่ จตุจักร พระนคร สัมพันธวงศ์ ปทุมวัน ยานนาวา พระโขนง บางกะปิ บางเขน หนองจอก ธนบุรี บางกอกใหญ่ บางกอกน้อย ตลิ่งชัน หนองแขม ราษฎร์บูรณะ สาทร บางซื่อ ราชเทวี คลองเตย จอมทอง ดินแดง วัฒนา บางแค วังทองหลาง บางนา และทุ่งครุ วงเงินรวม 111 ล้านบาท จำนวน 72 โครงการ
นายอรรถวิชช์ กล่าวก่อนเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าสตง.ว่า หากเป็นสภาผู้แทนราษฎร ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เวลาตัดงบแปรญัตติจะนำงบก้อนนี้ไปเพิ่มในงบกลาง ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีนำไปใช้ในกรณีที่มีความเร่งด่วนหรือเจอเหตุด่วนเหตุร้ายเฉพาะหน้า แต่ของกทม.จะตัดงบแปรญัตติแล้วแปลงเป็นโครงการใหม่แทน จึงเข้าข่ายกระทำการโดยที่กฎหมายไม่ได้กำหนด ซึ่งตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ไม่เคยมีการกระทำเช่นนี้มาก่อน
ย้ำเจตนาดี ไม่ต้องการดิสเครดิต
ทั้งนี้ ขอย้ำว่า การตรวจสอบนี้ ต้องการให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม.มีงบกลางในการดูแลงบประมาณในช่วงวิกฤติขอกทม. ไม่อยากให้งบส่วนนี้กลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะฉะนั้น วิธีนี้จะช่วยให้ กทม. มีงบประมาณมากขึ้น
นายอรรถวิชช์กล่าวต่อว่า กทม.เวลาเจอวิกฤติจะเจอปัญหาเครื่องสูบน้ำไม่มีน้ำมันเติมบ้าง, ขนประชาชนจากจุดประสบภัยไปยังจุดพักคอย ทำได้ลำบากบ้าง เพราะที่ผ่านมาไม่ได้เตรียมพร้อมรับวิกฤติไว้ ส่วนตัวเชื่อว่าวิธีการนี้จะเป็นการปฏิรูประบบงบประมาณของกทม.อย่างสำคัญ โดย สตง.จะเข้าไปตรวจสอบ และเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องมาดู และมีคำแนะนำตามกฎหมายต่อไป
“ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปี 2557 ไม่มีโครงการนี้ การเขียนแปรญัตติโดยไม่มีต้นเรื่องลำบากมาก ซึ่งตามฤดูกาลงบประมาณ พวกงบแปรญัตติเหล่าจะเริ่มอนุมัติเบิกจ่ายในเดือน พ.ย. 2565 นี้ ซึ่งข้าราชการที่ส่งเบาะแสมา ล้วนแต่ไม่อยากอนุมัติกัน คิดว่าอันนี้หาก ผู้ว่าสตง.ทำคำแนะนำไปถึงท่านผู้ว่ากทม.ได้ทัน ท่านจะมีงบมาดูแลวิกฤติจากงบกลางอีกมาก” นายอรรถวิชช์กล่าว
นอกจากการแปรญัตติงบไปเป็นงบสัมมนาแล้ว นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ยังมีการแปรญัตติงบไปในการจัดซื้อครุภัณฑ์ด้วย เช่น หลอดไฟแสงอาทิตย์ โต๊ะ เก้าอี้ เต้นท์ เป็นต้น มีการเสนอราคาที่ผิดปกติ แต่ขอไม่เปิดเผยอะไรเพิ่มเติมตอนนี้ ให้เป็นหน้าที่ทาง สตง. เข้าไปสืบเองดีกว่า เชื่อว่า จะได้รับความร่วมมือจากข้าราชการกทม. ในการเปิดเผยเอกสารและข้อมูลต่างๆ
แนะ 2 รองผู้ว่า ไปค้นสำนักงบจะรู้เอง
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กรณีที่ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช และนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม ชี้แจงแล้วว่า ไม่มีการตัดงบแก้น้ำท่วมเขตจตุจักร และเพิ่มงบให้เป็น 20 ล้านบาทนั้น นายอรรถวิชช์ตอบว่า ขอให้ท่านรองผู้ว่านำเอกสารที่สำนักเขตจตุจักร ที่ขอเป็นร่างงบประมาณฉบับร่างแรก โดยขอไปที่สำนักงบประมาณว่ามีการปรับกรอบและตัดโครงการใดไปบ้าง ประกอบกับตอนนี้กทม. ไม่มีสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ซึ่งเดิมจะทำงานร่วมกับผอ.เขต จะเห็นหมดว่า งบตอนต้นมีอะไร และผ่านออกมาเหลืออะไร แต่ตอนนี้ไม่มี ทำให้การดำเนินการต่างๆคล่องตัวขึ้นและเป็นการภายในมากขึ้น
“ไปดูเถอะครับ งบที่เขตไม่ว่าจะเขตไหนก็ตาม สำนักงบหรือฝ่ายบริหารตัดอะไรเขาออกไปบ้าง ท่านจะพูดแค่เอกสารที่เข้าในวาระ 1 ไม่ได้ ต้องดูด้วยว่าเขตเขาขออะไรไป นั่นแหละ จะพบสิ่งที่เขาตัดออก” นายอรรถวิชช์กล่าวตอนหนึ่ง
เมื่อถามว่า หลังจากมีสภากทม.ชุดใหม่ เห็นการแปรญัตติที่มีการยัดไส้อะไรบางอย่างมากขึ้นหรือไม่ นายอรรถวิชช์กล่าวว่า อย่างที่เรียนไป ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 2560 งบประมาณที่ถูกตัดจะถูกโยกไปอยู่ในงบกลาง ให้นายกรัฐมนตรี แต่กทม.มีแต่การโยกงบเพื่อเอาไปหารเฉลี่ยในแต่ละเขตกัน ยืนยันว่าท่านผู้ว่ากทม. จะไม่มีงบประมาณสำหรับแก้วิกฤติ อีกทั้ง กทม.ปัจจุบันสถานะไปขอกู้ใครก็ไม่ได้ ลองคิดดูว่า หากบริหารราชการแผ่นดินในส่วนกลางเกิดวิกฤติจะทำอย่างไร แล้วโลกปัจจุบันมีวิกฤติใหม่ๆเกิดขึ้นตลอด หากการบริหารงบประมาณยังเป็นแบบนี้ ไปไม่ได้แน่นอน ท่านจะติดขัดตลอด หากท่านผู้ว่ากทม.รับไปและหยุดการจัดซื้อจัดจ้างในส่วนงบสัมมนา เชื่อว่าจะช่วยได้มาก
ส่วนกรณี สตง.แนะนำแล้ว หากผู้บริหารไม่ปฏิบัติตามจะมีผลอะไรหรือไม่ นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า หากมีข้อแนะนำแล้วไม่ทำตาม สตง.ก็อาจจะพิจารณาร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ลงมาตรวจสอบก็ได้ เพราะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ตามกฎหมายมีอำนาจตัดงบ ไม่มีอำนาจแปรญัตติเพิ่มงบประมาณ หากตรวจสอบพบว่ามีการจัดทำเอกสารที่ขอเพิ่มงบประมาณและควบคุมเอง ถือเป็นการแทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหารหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปแล้ว
แนะ ‘วิโรจน์’ ค้นลึกๆ-ปัดเกมการเมือง
นอกจากนี้ นายอรรถวิชช์ยังกล่าวถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีตผู้สมัครผู้ว่ากทม.พรรคก้าวไกลชี้แจงการตัดงบท่อระบายน้ำเขตจตุจักรไม่จริง และได้รับการจัดสรรงบในปี 2566 เพิ่มขึ้นในส่วนท่อระบายน้ำอีก 1 ล้านบาทว่า ตนพูดชัดเจนว่า งบเกี่ยวกับท่อระบายน้ำมีเพิ่มขึ้นมา 3 ล้านบาท แต่ไปเพิ่มในส่วนของงบด้านสัมมนาอีกกว่า 10 ล้านบาท และนายวิโรจน์ก็มีเอกสารเหมือนตน เปิดไปหน้าหลังๆก็จะพบเหมือนตนแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การออกมาพูดนี้เป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายอรรถวิชช์ตอบทันทีว่า ไม่ใช่เกมการเมือง ผู้ว่าชัชชาติมาจากคะแนนเสียงจำนวนมาก ขนาดคนในพรรคกล้าเอง หลายคนก็เลือกนายชัชชาติเกินครึ่ง ที่ทำก็เพื่ออยากให้ท่านผู้ว่าได้ทำงานอย่างสุดความสามารถ และอยากเห็นการบริหารงบประมาณของกทม. ที่เปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ ภายหลังนายอรรถวิชช์ยื่นหนังสือแล้ว ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้งว่า สตง.จะมอบหมายให้ทีมงานที่ดูแลเกี่ยวกับกทม.เข้าไปตรวจสอบ กรอบเวลาทาง สตง.ทราบแล้ว และน่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะงบประมาณจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2565 นี้ หาก กทม.จัดซื้อจัดจ้างไปก่อน ก็จะมีความผิดแน่นอน เชื่อว่านายชัชชาติคงไม่ปล่อยให้มีการจัดซื้อจัดจ้างขึ้น แต่หากยืนยันที่จะทำก็ต้องรับความเสี่ยงกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก สตง.มีข้อแนะนำจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรในข้อบัญญัติงบประมาณหรือไม่ เพราะผ่านการพิจารณาของสภากทม.ไปแล้ว นายอรรถวิชช์กล่าวว่า เชื่อว่าจะมีความเปลี่ยนแปลง ของปี 2566 น่าจะไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างในรายการที่ผิดปกติ ส่วนในปี 2567 จะมีความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งแน่นอน
อ่านประกอบ
กทม.แจงลดงบแก้น้ำท่วมไม่จริง อรรถวิชช์ จ่อยื่น สตง.สอบ พรุ่งนี้