
“…ในการอนุญาตให้ใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ สำหรับกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรดำเนินการในรูปแบบคณะบุคคลจะมีความเหมาะสมมากกว่าบุคคลคนเดียว เพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจในทางที่มิชอบ และให้เกิดความรอบคอบในการพิจารณากิจการที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรง…”
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบ ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอ
โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลัก พิจารณาข้อเสนอแนะฯดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อยุติ และสรุปผลการพิจารณาและรายงานความคืบหน้าไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอ ครม. นั้น (อ่านประกอบ : ครม.รับข้อเสนอป้องกันทุจริตที่ดิน ส.ป.ก. หลัง ป.ป.ช. ชงปรับปรุง 4 ด้าน)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงขอนำเสนอที่มาและรายละเอียดข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนี้
@จัดสรรที่ดิน‘ส.ป.ก.’ทำ'กิจการอื่น'เปิดช่องใช้'ดุลพินิจ'เกินควร
สาระสำคัญและข้อเท็จจริง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งมีการศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริง กฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการให้ข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
พบประเด็นปัญหาและความเสี่ยงต่อการทุจริตที่อาจเกิดจากการจัดสรรที่ดิน เพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อาทิ การขาดความชัดเจนในการกำหนดกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมบางประเภท ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐที่มากเกินสมควร
ปัญหาที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม และการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อันอาจเป็นช่องทางในการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ,ปัญหาความทับซ้อนของแนวเขตปฏิรูปที่ดินกับหน่วยงานของรัฐอื่น อาจก่อให้เกิดความไม่ชัดเจนว่าหน่วยงานใด เป็นผู้รับผิดชอบซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านการบริหารจัดการ
ปัญหาเกี่ยวกับประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับโดยตรง จากการประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการทุจริตในขั้นตอนการพิจารณาอนุญาต โดยการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลที่ยื่นขออนุญาต
ตลอดจนกลไกการกำกับติดตามการใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่รัดกุมเพียงพอ อาจก่อให้เกิดกรณีที่ผู้ได้รับอนุญาตทำผิดเงื่อนไขและเจ้าหน้าที่รัฐไม่บังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ฯลฯ
@แนะจัดโซนนิ่ง‘แปลงเกษตร’กับ‘พื้นที่อนุญาตประกอบกิจการอื่น’
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว เห็นสมควรมีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามนัยมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ต่อ ครม. พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้
1) ด้านนโยบาย
1.1) ควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) พิจารณาถึงความเป็นไปได้ และแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับการทำการเกษตรหรือประกอบกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เปลี่ยนเป็นที่ดินของรัฐประเภทอื่นที่มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ต่อไป
1.2) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรกำหนดการจัดกลุ่มพื้นที่ (Zoning) ระหว่าง “แปลงเกษตร” กับ “พื้นที่สำหรับการอนุญาตให้ประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” เพื่อคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไป เพื่อกำหนดทิศทางด้านนโยบายเกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ
1.3) ควรพิจารณาให้กรมป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ร่วมกันพิจารณาการกันคืนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ตามบันทึกข้อตกลงในพื้นที่ที่เคยมีการสำรวจร่วมกัน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที โดยมิต้องรอให้การดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) แล้วเสร็จ
@ทบทวนประกาศฯ‘กิจการเกี่ยวเนื่อง’แต่ละรายการให้ชัดเจน
2) ด้านกฎหมาย
2.1) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรปรับปรุงแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวกับ “ประโยชน์ที่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินจะได้รับ” ควรยึดโยงว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรงอย่างเคร่งครัด ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 และแนวคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด หมายเลขคดีแดงที่ อ.1728/2559 เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก
โดยอาจพิจารณาปรับรูปแบบการอนุญาตให้เกษตรกรหรือประชาชนในพื้นที่ ได้เข้ามามีส่วนเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการประกอบกิจการฯ ที่แท้จริง อาทิ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมควรบูรณาการและสร้างความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อทำให้เกิดความเข้มแข็งของเกษตรกรในชุมชนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
และผลักดันให้ใช้ “ระบบสหกรณ์” เป็นผู้ประกอบกิจการสนับสนุนหรือ เกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาวในการส่งเสริมสหกรณ์การเกษตรให้มีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น เกิดประโยชน์ต่อสมาชิก และกำไรจากการประกอบกิจการจะกลับคืนสู่สมาชิกสหกรณ์ และเป็นการป้องกันกลุ่มนายทุนเข้ามาแสวงหาประโยชน์ในที่ดินของรัฐอีกทางหนึ่ง
2.2) เห็นควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม พิจารณาทบทวนประกาศ คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม เรื่อง รายการกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในแต่ละรายกิจการให้มีความชัดเจนและครอบคลุม
โดยเฉพาะในกิจการตามข้อ 1.5 กิจการที่เป็นการบริการหรือเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจและสังคม ในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดินซึ่งกิจการนั้น ต้องอยู่ในพื้นที่ที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด ให้เป็นพื้นที่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีหลายกิจการที่ต้องอาศัยการตีความว่าสามารถดำเนินการได้ในขอบเขตใด
อาทิ ที่อยู่อาศัย ที่พัก หอพัก ครอบคลุมถึงการทำโรงแรม รีสอร์ต หอพักนักศึกษา หรือครอบคลุมเพียงกิจการที่มีลักษณะที่พักเพื่อการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (โฮมสเตย์)
2.3) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อกำหนดในระเบียบหรือหลักเกณฑ์ให้ผู้ขอรับการจัดที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ต้องเป็น (1) สถาบันเกษตรกร ที่มีเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นสมาชิก หรือ (2) บุคคลหรือนิติบุคคลสัญชาติไทย เป็นต้น
2.4) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรกำหนดแนวทางหรือกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการพิจารณาว่ากิจการดังกล่าว เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรงเป็นการเฉพาะ โดยให้มีการทำประชามติโดยประชาคมหมู่บ้าน ที่มีองค์ประกอบมาจากตัวแทนองค์กร (กลุ่ม) ชาวบ้านที่มีการจัดตั้งอยู่ในหมู่บ้านเป็นหลัก
โดยมีผู้ใหญ่บ้านและผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมอยู่ด้วย และมีประธานประชาคมที่มาจากการเลือกจากสมาชิกทั้งหมดของประชาคมดังกล่าว และมีมาตรฐานในการรับฟังความคิดเห็นไม่ต่ำกว่าระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548
3) ด้านบริหารจัดการ
สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรพิจารณาเพิ่มกระบวนการขั้นตอนการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนฯ โดยควรมีการประสานข้อมูลจากที่ดินของรัฐอยู่ในความรับผิดชอบทั้งหมด เพื่อรับรองแนวเขตที่ดินก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอนุญาต
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการทับซ้อนของแนวเขตที่ดินของรัฐ และผลกระทบจากการประกอบกิจการที่เป็นการสนับสนุนฯ บริเวณพื้นที่ที่มีการทับซ้อน ซึ่งจะทำให้เกิดความชัดเจนว่าบริเวณพื้นที่ที่จะขออนุญาตประกอบกิจการอื่นๆ หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นการก่อให้เกิดผลดีต่อการปฏิบัติราชการ
@ต้องเปิดเผยรายละเอียด‘ที่ดิน-ผู้ได้รับอนุญาต-กิจการ’ผ่านเว็บฯ
4.) ด้านประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน
4.1) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของเกษตรกรหรือประชาชนในพื้นที่ ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะ ความเห็นที่มีต่อกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องฯ ในขั้นตอนก่อนการได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ ผ่านช่องทางต่างๆ
เช่น ผ่านผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ หรือสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมและยังถือเป็นการสร้างความโปร่งใส ในขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อประกอบกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
4.2) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดให้ประชาชนหรือเกษตรกรในชุมชน มีโอกาสได้รับผลประโยชน์ตอบแทนกลับคืนสู่ชุมชน จากการดำเนินกิจการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ โรงงานอุตสาหกรรมการเกษตร โรงงานแปรรูปการเกษตร หรือโรงงานฆ่าสัตว์ ฯลฯ
4.3) ควรเพิ่มเติมให้หน่วยงานที่มีส่วนได้เสียในระดับพื้นที่ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำประโยชน์กิจการฯ ที่ได้รับอนุญาตไปแล้ว เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนได้เสียในการจัดเก็บรายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและภาษี ค่าธรรมเนียมท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย ซึ่งมาจากผู้ประกอบกิจการฯ ในพื้นที่
ทั้งนี้ ควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเป็นประโยชน์ต่อสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของสิ่งก่อสร้างและขนาดเนื้อที่ของที่ดินว่ามีการเปลี่ยนแปลงไป หรือไม่
4.4) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรเปิดเผยข้อมูล ระหว่างการยื่นคำขออนุญาตให้บุคคลประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (เพื่อให้เกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรได้รับทราบเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น) และหลังการอนุญาตซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยควรเกี่ยวกับรายละเอียดของที่ดินและผู้ได้รับการอนุญาต ตลอดจนรายละเอียดของกิจการที่ได้รับอนุญาต
เช่น ชื่อหน่วยงาน นิติบุคคล บุคคลที่ขอใช้ บุคคลที่อยู่ระหว่างการขอ วัตถุประสงค์การขอใช้ แผนที่ ระยะเวลาเช่าหรือเข้าทำประโยชน์ และจำนวนพื้นที่ที่ขอใช้ ประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับ ซึ่งควรเป็นข้อมูลในระดับจังหวัด โดยเปิดเผยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือเว็บไซต์ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด
4.5) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรมีการนำเทคโนโลยีมาใช้และพัฒนา ระบบฐานข้อมูลของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้ได้ทราบถึงข้อมูลผู้เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน ให้มีประสิทธิภาพและตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างเป็นปัจจุบัน
4.6) ควรให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ศึกษาและรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นในการใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับพลวัต การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศไทยและเจตนารมณ์ของการปฏิรูปที่ดินต่อไป
@การอนุญาตใช้‘ที่ดิน-อสังหาฯ’เพื่อกิจการอื่น ควรทำในรูป‘คกก.’
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังเห็นควรมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประกาศใช้ร่างระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมว่าด้วย การให้ใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ....รวม 5 ประเด็น ดังนี้
1) ร่างระเบียบฯ ข้อ 10 (3) ประโยชน์ที่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินจะได้รับ ควรมีการเพิ่มเติมหลักการที่ยึดโยงว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรงอย่างเคร่งครัด ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 และแนวคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก
รวมถึงควรกำหนดแนวทางหรือกระบวนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการพิจารณาว่ากิจการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรงเป็นการเฉพาะ โดยให้มีการทำประชามติ โดยประชาคมหมู่บ้านที่มีองค์ประกอบมาจากตัวแทนองค์กร (กลุ่ม) ชาวบ้านที่มีการจัดตั้งอยู่ในหมู่บ้านเป็นหลัก
โดยมีผู้ใหญ่บ้าน และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมอยู่ด้วย และมีประธานประชาคมที่มาจากการเลือกจากสมาชิกทั้งหมดของประชาคมดังกล่าว และมีมาตรฐานในการรับฟังความคิดเห็นไม่ต่ำกว่าระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2558
2) ข้อ 10 (4) “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยของราษฎรในพื้นที่” ควรปรับปรุงเป็น “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการก่อมลพิษต่อชุมชน รวมทั้งความปลอดภัยของราษฎรในพื้นที่” เพื่อให้มาตรฐานในการพิจารณาไม่น้อยกว่าหลักการตามระเบียบเดิม
3) ควรตัดคำว่า “เครือญาติ” ออกจากร่างระเบียบคณะกรรมการการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ว่าด้วยการให้ใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ...
4) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรพิจารณากำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงประเภท ขนาด และ เงินลงทุนของกิจการ ในการอนุญาตให้ใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมายเดิม มิเช่นนั้นอาจต้องมีเหตุผลสนับสนุนที่มากพอในการยกเลิกการกำหนดระยะเวลาในการเช่าหรือการเข้าทำประโยชน์ของเอกชนที่เคยปฏิบัติมา
5) ในการอนุญาตให้ใช้ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ สำหรับกิจการที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ควรดำเนินการในรูปแบบคณะบุคคลจะมีความเหมาะสมมากกว่าบุคคลคนเดียว เพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจในทางที่มิชอบ และให้เกิดความรอบคอบในการพิจารณากิจการที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรง
โดยการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 และระเบียบกฎหมายอื่น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดให้ครอบคลุมถึงเรื่องดังกล่าวด้วย
เหล่านี้เป็นสาระสำคัญข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการจัดสรรที่ดินเพื่อประกอบกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของ ป.ป.ช. และต้องติดตามกันต่อไปว่า กระทรวงเกษตรฯ ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และรมว.เกษตรฯ เป็นเจ้ากระทรวงฯ จะมีข้อสรุปในการพิจารณาในเรื่องนี้อย่างไร ?
