ข่าวดี สารสกัด 'ฟ้าทะลายโจร' ได้ผลดีในห้องทดลอง กรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยเริ่มศึกษาใช้ยากับผู้ป่วยโควิด ที่อาการไม่รุนแรงแล้ว -เตรียมจัดหาฟ้าทะลายโจรให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งยกระดับเกษตรกรปลูก เพื่อมาทำยา สนับสนุนให้สถานบริการภาครัฐ ทีมโควิด-19 จำนวน 1 ล้านแคปซูน และจับมือกับภาคธุรกิจ
วันที่ 19 เมษายน กระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ช่วงหนึ่ง นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงฤทธิ์สำคัญ สมุนไพรฟ้าทะลายโจร 1. ฤทธิกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 2.ฤทธิ์ต้านไวรัส 3.ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และ 4.ฤทธิ์ในการลดไข้ ซึ่งช่วงโรคซาร์สระบาด ประเทศจีนมีการศึกษาวิจัย พบว่า สามารถต้านโคโรนาไวรัสซาร์สได้ ล่าสุดจีนพัฒนาฟ้าทะลายโจรให้เป็นยา ร่วมรักษาผู้ป่วยโควิด-19
นายแพทย์ปราโมทย์ กล่าวว่า ในประเทศไทยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศึกษาวิจัยฤทธิ์สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลอง ช่วงเดือนที่ผ่านมา " เรารู้แล้วว่า ผลการศึกษาในหลอดทดลองได้ผล"
จากนั้น จึงนำสารสกัดฟ้าทะลายโจร มาคำนวณระดับของยาที่เหมาะสมว่า ต้องมีปริมาณท่าไหร่ ปัจจุบัน กรมฯ มีแผนดำเนินการ 2 เรื่อง
1.ศึกษาวิจัยนำร่องผลของยาสารสกัดฟ้าทะลายโจร ขนาดสูงต่อผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง และไม่ได้รับยาต้านไวรัส ระยะเวลาศึกษา 4 เดือน (เม.ย.-ก.ค.2563) โดยสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค ศึกษาวิจัยร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และองค์การเภสัชกรรม
2.เตรียมความพร้อมจัดหาฟ้าทะลายโจรให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
- เกษตรกร โดยร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร ยกระดับการปลูกฟ้าทะลายโจรคุณภาพสำหรับทำยา ตั้งเป้าให้ได้วัตถุดิบแห้ง 5 หมื่นกิโลกรัม ใช้พื้นที่ 63 ไร่ สร้างรายได้ให้เกษตรกร 6 ล้านบาท
- สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ สนับสนุนยาฟ้าทะลายโจรให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทีมโควิด-19 จำนวน 1 ล้านแคปซูล (3 หมื่นคน) โรงพยาบาลรัฐที่ผ่านมาตรฐาน WHO GMP 44 แห่ง มีปริมาณยาฟ้าทะลายโจร 9.2 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป่วย 1.9 แสนคน มีกำลังการผลิต 2.6 ล้านแคปซูลต่อวัน และมีปริมาณวัตถุดิบสามารถผลิตยาได้ 7.3 ล้านแคปซูลรองรับผู้ป่วย 1.5 แสนคน
- ภาคธุรกิจ จับคู่การเจรจราระหว่างเกษตรกร จำนวน 5 กลุ่ม กับผู้ผลิตยาสมุนไพรฟ้าทะลายโตร 6 บริษัท 11 คู่เจรจา เป็นมูลค่าซื้อขายกว่า 5 แสนบาท จำนวน 3,100 กิโลกรัมแห้ง และจัดทำแผนขยายตลาดต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV
ด้านดร.สุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการศึกษาศึกษาฤทธิ์ต้านไวรัสโควิด-19 ของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลอง โดยทำการศึกษาจากสารสกัดหยาบเทียบกับแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่เป็นสารสำคัญ พบว่า กลไกต้านไวรัสโควิด-19 สามารถทำลายไวรัสโดยตรง และต้านไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนเซลล์ได้ แต่ไม่มีฤทธิ์ในการชักนำให้เซลล์หลั่งสารที่ช่วยยับยั้งไวรัสโควิด-19 จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค และจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยในคนต่อไป
"ผลการทำลอง หรือการศึกษาเบื้องต้น ทั้ง 3 การทดลอง พบว่า 2 ใน 3 การทดลอง ชี้ชัดว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าไวรัสได้โดยตรง และยับยั้งไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในเซลล์ การจะบอกว่าฟ้าทะลายโจรมีผลต่อคนไข้ที่ติดเชื้อโควิดจะต้องมีการศึกษาต่อไป"
สำหรับข้อแนะนำการใช้ยาฟ้าทะลายโจร
1.ไม่ควรกินยาฟ้าทะลายโจรเพื่อป้องกัน โควิด-19 โดยที่ยังไม่มีอาการ
2.เมื่อมีอาการคล้ายหวัด ได้แก่ ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยร่างกาย ปวดศีรษะ ควรกินยาฟ้าทะลายโจรทันที และต้องป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่คนใกล้ชิด
3.หากกินยาฟ้าทะลายโจรแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ให้รีบไปพบแพทย์
4.ควรมียาฟ้าทะลายโจรเป็นยาประจำตัว/ประจำบ้าน หรือปลูกต้นฟ้าทะลายโจรไว้ที่บ้าน