‘ชัยวัฒน์’ -พวก รวม 4 คน มอบตัวกับดีเอสไอ รับทราบข้อกล่าวหา หลังศาลอาญาคดีทุจริตฯ อนุมัติหมายจับ 6 ข้อหา ‘คดีบิลลี่’ ตัดพ้อสื่อ สร้างเรื่องราวจนไม่มีที่ยืน ยันไม่หลบหนี
หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุมัติหมายจับ “นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน ในความผิดหลายข้อหา (อ่านประกอบ: เปิด 6 ข้อหาหนัก! ศาลฯ อนุมัติหมายจับ ชัยวัฒน์ พวก คดี บิลลี่) ซึ่งเป็นผลจากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย เป็นคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 12 พ.ย. 2562 ในช่วงเช้า นายชัยวัฒน์ ได้เดินทางพร้อมพวกอีก 3 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ อนุมัติหมายจับ ณ ดีเอสไอ
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยก่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า หลังจากดีเอสไอแถลงเป็นระยะ เรารู้แล้วว่าเป้าหมายอยู่ที่ตนเองกับลูกน้อง 3 คน แต่วันนี้ได้รับความชัดเจนแล้ว หลักฐานที่ดีเอสไอนำมาเสนอสื่อแต่ละตอนนั้น ทำให้เราเห็นกระบวนการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ทุกคนพร้อมให้ความร่วมมือ
ทั้งนี้ ยังระบุถึงสื่อว่า สร้างเรื่องราวจนชีวิตข้าราชการของตนเองกับเจ้าหน้าที่ 3 คน แทบไม่มีที่ยืน รวมทั้งครอบครัว สิ่งที่ผิดชอบชั่วดี ทุกคนไม่รู้เลยว่าสิ่งไหนผิด สิ่งไหนถูก สิ่งไหนจริง สิ่งไหนเท็จ และหลักฐานที่มีมา จริงเท็จอย่างไร สื่อต้องนำเสนอให้เป็นจริง
“วันนี้ชีวิตข้าราชการของผมต้องมายืนแบบนี้ ทั้งที่เป็นผู้พิทักษ์ป่า รักษาป่ามาตลอดชีวิต ทุ่มเทชีวิตร่างกายและจิตใจเพื่อแผ่นดิน แต่กระแสข่าวที่ออกมา พวกผมเป็นจำเลยสังคม โดยเฉพาะโลกโซเซียล ทำกันแบบนี้ ให้ความเป็นธรรมกับพวกผมแค่ไหน” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าว และยืนยันว่า ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด เมื่อไปกล่าวหาใคร จะให้มีสิทธิในการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม เพราะเขามีสิทธิพูด มีสิทธิเอ่ย มีสิทธิกล่าว ทุกเรื่อง แต่สื่อทำตนเองกับครอบครัว ทำแม้กระทั่งสถาบันของตนเองเป็นผู้ร้ายในโลกโซเซียล ความผิดชอบชั่วดี ผิดถูก ใครทำหลักฐานเป็นอย่างไร เคยนำเสนอหรือไม่
นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอขอหมายศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งเป็นศาลชี้ได้ว่า ตนเองทุจริต ไม่ได้ชี้ว่าเป็นคดีอาญาไปฆ่าใคร แต่มูลศาลมูลเหตุจูงไปใน 6 ข้อกล่าวหา จูงไปในเรื่องการทำร้ายร่างกาย ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ฉะนั้นการมาในวันนี้จึงอยากทราบว่าดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องอะไรบ้าง เพราะศาลอาญาคดีทุจริตฯ บ่งบอกเรื่องศาลทุจริต ศาลอาญาไม่ได้ออกหมายจับ
“ต้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ ดูไปเรื่อย ๆ ว่าข้อมูลที่มีอยู่ทุกวันนี้ แม้กระทั่งดีเอ็นเอ เศษกะโหลกที่ไปเจอ แม้กระทั่งถัง ค่อยว่ากัน ผมและลูกน้องพร้อมจะสู้ เราต่อสู้เพื่อแผ่นดินมาตลอด วันนี้ชีวิตผมกับครอบครัว สถาบันที่ยืนอยู่ตรงนี้ ผมสู้เพื่อแผ่นดินมา ผมได้แผ่นดินคืนมาเท่าไหร่ แต่กลับมาเป็นแบบนี้ใช้หรือไม่ ผมพร้อมจะสู้และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับดีเอสไอตลอด ไม่หลบหนี ไม่หนีไปไหน ครอบครัวอยู่ที่นี่ ผมรับราชการ และยังรักเกียรติศักดิ์ศรี” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำหมายศาลเข้าตรวจค้นไร่ชัยราชพฤกษ์ ต.สองพี่น้อง อ.เเก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นของพี่ชายนายชัยวัฒน์ เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม หนึ่งในนั้น คือ ซากรถจักรยานยนต์ของนายพอละจี ภายหลังมีพยานยืนยันว่าวันเกิดเหตุนายชัยวัฒน์พักอยู่ในไร่เเห่งนี้ พร้อมกับประสานนักประดาน้ำหาหลักฐานเพิ่มเติมในบึงขนาดใหญ่ในไร่ด้วย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/