'วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ' เลขาไบโอไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหา-สู้คดีถึงที่สุด กรณี CPF แจ้งความหมิ่นประมาท เปิดข้อมูล 'ปลาหมอคางดำ' ในเวทีวิชาการสาธารณะ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 ที่สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี หรือ BIOTHAI (ไบโอไทย) พร้อมด้วยทีมทนายความจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (Enlaw) ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากกรณีที่ถูกบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เนื่องจากเผยแพร่ข้อมูลการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า วันนี้ตนเองต้องขอขอบคุณเครือข่ายเกษตรกรและเครือข่ายภาคประชาชนสังคมที่เข้ามาให้กำลังใจตนด้วย และต้องขอบคุณทีมทนายความจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยสนับสนุนการต่อสู้ครั้งนี้ เราคิดว่าสิ่งที่ทำให้เราถูกฟ้องร้องนั้นเกิดขึ้นมาจากการทำงานเพื่อปกป้องเรื่องความมั่นคงด้านอาหารและความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักในการทำงานของมูลนิธิชีววิถี ซึ่งวัตถุประสงค์ข้อแรกในการทำงานของเราก็คือการศึกษาเผยแพร่เรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ เรื่องสิทธิของเกษตรกร สิทธิชุมชนรวมไปถึงเรื่องของความมั่นคงด้านอาหารด้วย
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นคือมีปลาที่เป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ระบาดออกไปถึง 19 จังหวัดและส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก จนกระทั่งในบางพื้นที่ถึงกับหมดอาชีพมีคนทำร้ายตัวเองฆ่าตัวตายก็มี และไม่ใช่แค่นั้นยังเป็นการทำลายสายพันธ์ของสัตว์น้ำกร่อยปูปลาทั้งหลาย เราคิดว่าปัญหาที่ใหญ่มากขนาดนี้เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำ ดังนั้นก็ถือว่าเราทำตามหน้าที่ทำตามวัตถุประสงค์ขององค์กรและส่วนหนึ่งก็เป็นการสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบด้วย และเรายังยืนยันว่าเราจะเดินหน้าทำงานเรื่องนี้ต่อไปโดยไม่หวั่นไหวและพร้อมที่จะต่อสู้คดีเพื่อที่จะเอาความจริงมาเผยแพร่
“ไบโอไทยมีพี่น้องพันธมิตรและองค์กรภาคประชาสังคมหลายส่วนที่สนับสนุน และเราเห็นว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนเล็กคนน้อยที่เขาลุกขึ้นมาปกป้องในเรื่องสิ่งแวดล้อม ปกป้องสิทธิของตนเองที่จะดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ เราคิดว่ามันน่าจะหนักหนามากกับการที่กฎหมายเปิดช่องให้ผู้ที่สังคมหรือภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งคำถามกับการที่ทำให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมแล้วก็ทำให้ผู้ที่ตั้งคำถามต้องเจอกับสภาพที่ถูกฟ้อง ต่อไปก็จะยากลำบากมากขึ้นที่จะมีใครลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ” นายวิฑูรย์กล่าว
ด้านนายรัษฎา มนูรัษฎา หนึ่งในทีมทนายความ กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้สื่อข่าวทุกท่านที่ให้ความสำคัญมาทำข่าวเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพประมงจากปัญหากรณีที่เกิดจากปลาหมอคางดำ วันนี้นายวิฑูรย์ เข้าพบพนักงานสอบสวนให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันมั่นคงว่าเขาจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด ในฐานะที่เป็นทนายความและทำงานแก้ต่างคดีให้กับนายวิฑูรย์ เห็นว่าผู้ที่เข้ามาร่วมประชุมเสวนาปัญหาเรื่องปลาหมอคางดำมีทั้งผู้แทนผู้ประกอบอาชีพประมงที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย มูลนิธิชีววิถี มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม นักวิชาการองค์กรภาคประชาสังคมและประชาชนที่สนใจก็เพราะความห่วงกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศน์ และความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ประกอบอาชีพประมงได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
มูลนิธิชีววิถีมีวัตถุประสงค์ในการทำงาน คือ การศึกษาเผยแพร่เรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ เรื่องสิทธิของเกษตรกร สิทธิชุมชนรวมไปถึงเรื่องของความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งหากประชาชนที่สนใจติดตามข่าวเรื่องปลาหมอคางดำจะพบว่า ปลาหมอคางดำได้แพร่กระจายขยายพันธุ์ไปจากจังหวัดสมุทรสาคร ไปยังจังหวัดสมุทรสงคราม ไปที่จังหวัดสมุทรปราการและไปถึงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ และทนายความด้านสิ่งแวดล้อมของสภาทนายความที่รวบรวมข้อเท็จจริงต่อมาก็ได้ฟ้องคดีผู้ประกอบการนำเข้าปลาหมอคางดำที่เป็นต้นเหตุของความเดือดร้อนเสียหายของเกษตรกรชาวประมงฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้และศาลปกครอง
“สำหรับแนวทางในการต่อสู้คดีวันนี้คุณวิฑูรย์ได้ให้การปฏิเสธกับพนักงานสอบสวนไปแล้วว่าไม่ได้กระทำความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมสำนวนเสนอความเห็นต่ออัยการแล้วหากอัยการไม่เห็นด้วยกับพนักงานสอบสวนก็สั่งไม่ฟ้องได้ ถ้าอัยการพิจารณาแล้วยังเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวนว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดแล้วส่งฟ้อง ก็จะมีมีการฟ้องคดีต่อศาลเราก็จะไปแก้ต่างในชั้นศาลต่อไปซึ่งก็ต้องจับตากันต่อว่าดุลยพินิจของอัยการหลังจากได้รับสำนวนคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจะเป็นอย่างไร แต่เราก็พร้อมที่จะต่อสู้ในทุกกระบวนการเพื่อทำความจริงให้ปรากฎ” นายรัษฎา กล่าว
นอกจากนี้นางสาวจันทร์จิรา จันทร์แผ้ว หนึ่งในทีมทนายความ กล่าวว่า การดำเนินคดีครั้งนี้เป็นโอกาสในการนำเสนอข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิสูจน์ความจริงและยืนยันว่าการแสดงความคิดเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสิ่งที่ทำได้ นอกจากนี้ ทีมทนายคาดหวังให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องมีบทบาทในการตรวจสอบต้นตอของปัญหาและใช้อำนาจตามกฎหมายจัดการกับผู้ก่อความเสียหายต่อระบบนิเวศน์อย่างเข้มแข็งบ้าง เพราะรัฐมีกลไกมากมายที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลป้องกันภัยคุกคามทุกรูปแบบให้กับประชาชนและสังคม แต่ที่ผ่านมาประชาชนต้องใช้สิทธิฟ้องคดีกันเอง ต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคมากมายเพื่อปกป้องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมแทนรัฐ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นักวิชาการชี้ต้องกำจัดปลาหมอคางดำให้สิ้นซากภายใน 3 ปี หวั่นกระทบประเทศเพื่อนบ้าน
ซีพีเอฟ ฟ้องหมิ่นประมาท BIOTHAI ปมปลาหมอคางดำ ส่งหมายเรียกพบ ตร. 12 ก.ย.นี้