ศาลแพ่งธนบุรีเเจงกรณีหมอโอดผ่านเฟซบุ๊กทำงานสิทธิ์ติดคดี ไม่ใช่การออกหมายจับในฐานะผู้ต้องหา พร้อมเผยเคยออกหมายเรียกพยาน 3 ครั้ง เเต่ไม่มา ยันมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งแต่อย่างใด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2566 ศาลเเพ่งธนบุรี ออกเอกสารเเถลงข่าวชี้เเจงกรณีตามที่ปรากฏข่าวต่อสาธารณะว่า 'หมอทำงานโดยสุจริตก็มีสิทธิติดคดีโดนหมายจับได้' ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลแพ่งธนบุรีออกหมายจับนางสาว อ. เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2566 คดีหมายเลขดำที่ พ.1524/2564 นั้น
ศาลแพ่งธนบุรีขอชี้แจงข้อเท็จจริงอันเป็นการตอบข้อสงสัยเบื้องต้นดังนี้ คดีนี้โจทก์ทั้งสอง ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 เรื่องละเมิด ประกันภัย โดยโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยในฐานะ ผู้รับประกันรถยนต์คันที่เกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายเป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยจ่ายค่าเสียหายจำนวน 80,000 บาท แก่ฝ่ายผู้ตาย กรณีผู้ตายได้รับบาดเจ็บเสียหายแก่ร่างกายอนามัยเต็มตามกรมธรรม์แล้ว ผู้ตายไม่ได้ถึงแก่ความตายจากสาเหตุรถชน แต่ผู้ตายถึงแก่ความตายจากสาเหตุโรคประจำตัว จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
นัดแรกเป็นวันนัดชี้สองสถานหรือสืบพยานโจทก์ในวันที่ 13 ธันวาคม 2564 องค์คณะพิจารณาพิพากษาคดีก่อนเข้าระบบพิจารณาคดีต่อเนื่อง ทำการพิจารณาไกล่เกลี่ยแล้วคู่ความไม่สามารถตกลงกันได้ ทนายจำเลยสละประเด็นเรื่องอำนาจฟ้อง จึงได้ทำการชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาท ดังนี้ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองหรือไม่ เพียงใด ทนายโจทก์ทั้งสองแถลงประสงค์สืบพยาน 3 ปาก และพยานอันดับที่ 6 เป็นแพทย์ผู้รักษา โรงพยาบาลนครปฐม เป็นพยานสำคัญที่จะนำมาสืบถึงสาเหตุการตายของผู้ตาย ศาลนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองและจำเลย 1 นัด ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565
เมื่อพิจารณาคำฟ้อง คำให้การ และประเด็นข้อพิพาทที่ศาลกำหนดแล้ว คดีนี้มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า การตายของผู้ตายเป็นผลโดยตรงมาจากสาเหตุการกระทำละเมิดที่จำเลยจะต้องรับผิดชำระค่าเสียหายตามฟ้องโจทก์ทั้งสองหรือไม่เพียงใด และปรากฎในสำเนาหนังสือรับรองการตายและสำเนามรณบัตรเอกสารท้ายฟ้องว่าแพทย์ลงความเห็นถึงสาเหตุการตายว่า มีสาเหตุจากถุงลมโป่งพอง กรณีจึงมีความจำเป็นต้องมีแพทย์ผู้ตรวจรักษาและแพทย์นิติเวชมาเบิกความในประเด็นดังกล่าวตามที่ทนายโจทก์ทั้งสองแถลง
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอหมายเรียกพยานบุคคล ลำดับที่ 6 และพยานเอกสาร ลำดับที่ 25 ตามบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 9 กันยายน 2564 โดยระบุในหมายเรียกพยานลำดับที่ 6 ในหมายเรียกว่า แพทย์หญิงอ. หรือ/แพทย์หญิงก. หรือ/แพทย์โรงพยาบาลนครปฐม และขอรับหมายไปส่งให้พยานด้วยตนเอง ผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่เวรสั่งในวันดังกล่าว มีคำสั่ง หมายเรียกพยานบุคคล คำสั่งเรียกพยานเอกสาร
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมระบุอ้าง แพทย์หญิงอ. เป็นพยาน ระบุที่อยู่ของพยานเป็นบ้านเลขที่ ๕ พร้อมกับแนบแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรของแพทย์หญิงอ. กับขอหมายเรียกแพทย์หญิงอ. มาเป็นพยานโดยขอให้เจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่งไปตามที่อยู่ดังกล่าว ผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่เวรสั่งมีคำสั่งให้ส่งโดยเจ้าพนักงานศาล หากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย
ต่อมาวันที่ 20 เมษายน 2565 โรงพยาบาลนครปฐมมีหนังสือแจ้งว่าแพทย์หญิงอ. มีภารกิจทางราชการไม่สามารถมาเป็นพยานศาลได้ ศาลมีคำสั่งรวมเอกสารดังกล่าวและเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองนัดแรกวันที่ 6พฤษภาคม 2565 ได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ทนายโจทก์ทั้งสองทราบแล้ว
ประกอบกับทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอเรียกผู้ขับรถอีกฝ่ายซึ่งเป็นคู่กรณีกับผู้ตายเข้ามาเป็นจำเลยร่วมศาล มีคำสั่งให้เรียกคู่กรณีเข้ามาเป็นจำเลยร่วม จึงยังไม่มีการสืบพยานโดยเลื่อนคดีไปและมีการเลื่อนคดีอีก 2 ครั้ง คือในนัดวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 เนื่องจากยังอยู่ในระยะเวลาจำเลยร่วมยื่นคำให้การ และในนัดวันที่ 15 สิงหาคม 2565 คู่กรณีซึ่งศาลหมายเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมสามารถตกลงกับโจทก์ทั้งสองได้ โจทก์ทั้งสองจึงถอนฟ้องจำเลยร่วมไป และกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองและจำเลยอีกครั้งในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ศาลมีคำสั่งให้คู่ความดำเนินการขอหมายเรียกพยานแต่เนิ่น ๆ
ต่อมาวันที่ 5 กันยายน 2565 ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอหมายเรียกพยานปากคือ แพทย์หญิงอ. เป็นพยานโดยระบุที่อยู่พยานปากแพทย์หญิงอ.บ้านเลขที่ 5 ผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่เวรสั่งอนุญาต ผลการส่งหมายของศาลแพ่งตลิ่งชันระบุว่าวันที่ 18 กันยายน 2565 ส่งได้โดยพบสถานที่ตามหมายไม่มีผู้รับแทนจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล และปรากฏภาพถ่ายหลักฐานการส่งหมายที่ปิดไว้ตามที่อยู่ดังกล่าว เป็นอาคารพาณิชย์ มีประตูเหล็กยืดเปิดอยู่ ภายในกั้นกระจกลักษณะคล้ายสำนักงาน ด้านหน้ามีรองเท้าถอดวางอยู่ 1 คู่ เชื่อว่ามีคนพักอาศัยอยู่ในขณะไปส่งหมาย
การส่งหมายเรียกดังกล่าวจึงเป็นการออกและส่งหมายเรียกโดยชอบ แต่เมื่อถึงวันนัดที่ 31 ตุลาคม 2565 แพทย์หญิงอ. ไม่ได้ไปศาลและไม่มีการแจ้ง เหตุขัดข้อง ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนทำการสืบพยานโจทก์ทั้งสองปากอื่นไปและคงเหลือแพทย์หญิงอ. และพยานอีกปากที่ไม่มาศาล
ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไม่ได้ออกหมายจับแพทย์หญิงอ. ในทันทีและได้ทราบจากทนายโจทก์ทั้งสองว่าไม่สามารถติดต่อแพทย์หญิงอ. ได้ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจึงกำชับทนายโจทก์ทั้งสองให้เร่งติดต่อพยานเพื่อให้ได้ตัวมาเบิกความ และเลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ทั้งสองและจำเลยอีกครั้งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 เสมียนทนายโจทก์ทั้งสองขอหมายเรียกแพทย์หญิงอ. ไปตามที่อยู่บ้านเลขที่ 5 และขอให้ปิดหมาย ผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่เวรสั่งอนุญาตให้ปิดหมาย
ผลการส่งหมาย ระบุว่าวันที่ 3 ธันวาคม 2565 ส่งหมายได้โดยพบสถานที่ตามหมาย ไม่มีผู้รับแทน จึงปิดหมายตามคำสั่งศาล โดยมีการวาดแผนที่ที่ส่งหมายและถ่ายภาพสถานที่ปิดหมายประกอบการส่งไว้ สถานที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ ประตูเหล็กยืดด้านหน้าเปิดอยู่และด้านในมีกระจกกั้นคล้ายเป็นสำนักงานภายใน
มีไฟเปิดอยู่ที่เพดาน เชื่อว่ามีผู้พักอาศัยอยู่ในขณะที่มีการส่งหมาย แต่ไม่ยอมรับหมาย เจ้าพนักงาน จึงปิดหมายไว้ ซึ่งเป็นการออกและส่งหมายโดยชอบแล้ว เมื่อถึงวันนัดที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แพทย์หญิงอ. ไม่มาศาลและไม่ปรากฏว่ามีการแจ้งเหตุขัดข้องใด ๆ
ทนายโจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องอ้างว่ามีการส่งหมายให้พยาน 2 ครั้ง พยานได้รับแล้วไม่มาศาลและไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่าจงใจขัดหมายเรียกขอให้ออกหมายจับแพทย์หญิงอ. ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสอบทนายโจทก์ทั้งสองแล้ว ทนายโจทก์ทั้งสองยืนยันว่าปากแพทย์หญิงอ. เป็นพยานสำคัญในคดีของโจทก์ทั้งสอง เพราะคดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนการทำละเมิดจากการที่ผู้ขับรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้ชนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ส่วนจำเลยให้การต่อสู้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุหลายเดือน และหนังสือรับรองการตายระบุเหตุการตายว่าถุงลมโป่งพอง ไม่ได้เกิดจากการทำละเมิดดังกล่าว โจทก์ทั้งสองประสงค์จะนำสืบ ให้เห็นว่าการตายเป็นผลมาจากการกระทำละเมิดจึงจำต้องให้แพทย์หญิงอ. ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำความเห็นในการชันสูตรมาเบิกความ
การออกหมายเรียกแพทย์หญิงอ. ในคดีนี้ก็เป็นการออกและส่งโดยชอบทุกครั้ง แม้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะไม่ได้เป็นผู้อนุญาตออกหมายเรียกเองก็ตาม เนื่องจากในครั้งแรกที่ทนายโจทก์ทั้งสองขอออกหมายเรียกก็มี การระบุที่อยู่และแนบแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรที่เป็นปัจจุบันมาแสดงและระบุว่าแพทย์หญิงอ. เป็นเจ้าบ้านบ้านเลขที่ 5 และเมื่อไปส่งหมายเรียก ได้มีการถ่ายภาพการปิดหมายเรียกไว้ปรากฏว่า บ้านพักดังกล่าวมีลักษณะมีผู้พักอาศัยอยู่ ในการขอหมายเรียกครั้งที่ 2 ก็ส่งไปตามที่อยู่เดิมก็ปรากฎภาพถ่ายเป็นไปตามลักษณะที่อยู่เช่นเดียวกับในครั้งแรกโดยทั้งสองครั้งประตูเหล็กยึดด้านหน้าก็เปิดอยู่ จากการตรวจสอบแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรบ้านที่อ้างว่าย้ายที่อยู่แล้วนั้น
ปัจจุบันก็ปรากฏว่ายังมีชื่อบุตรทั้งสองของแพทย์หญิงอ. อยู่ในทะเบียนบ้านดังกล่าวหากแพทย์หญิงอ. ย้ายที่อยู่จริงบุคคลภายในที่พักอาศัยนั้น ก็จะต้องแจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ไปปิดหมายให้ทราบแล้ว ดังนี้เมื่อส่งหมายเรียกให้ พยานโดยชอบแล้ว เมื่อพยานไม่มาศาลตามหมายเรียกโดยไม่ปรากฏเหตุขัดข้อง จึงได้ดำเนินการออกหมายจับพยานตามคำร้องของทนายโจทก็ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 111(2)
การทำละเมิดจากการที่ผู้ขับรถคันที่จำเลยรับประกันภัยไว้ชนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ส่วนจำเลยให้การต่อสู้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุหลายเดือน และหนังสือรับรองการตายระบุเหตุการตายว่าถุงลมโป่งพอง ไม่ได้เกิดจากการทำละเมิดดังกล่าว โจทก์ทั้งสองประสงค์จะนำสืบ ให้เห็นว่าการตายเป็นผลมาจากการกระทำละเมิดจึงจำต้องให้แพทย์หญิงอ. ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำความเห็นในการชันสูตรมาเบิกความ
ในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่ง การอ้างพยานและที่อยู่ของพยานรวมถึงการดำเนินการให้ได้ตัวพยานมาเบิกความ ล้วนเป็นหน้าที่ของคู่ความและทนายความฝ่ายนั้น ศาลเพียงแต่หมายเรียกไปตามที่อยู่หรือสถานที่ที่คู่ความระบุไว้ในบัญชีระบุพยานและคำแถลงขอออกหมายเรียก ศาลไม่อาจทราบที่อยู่ของพยานได้เอง ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นคู่ความจะอ้างชื่อและที่อยู่ของพยานมาในบัญชีระบุพยานและขอออกหมายเรียกไปตามที่อยู่นั้นโดยไม่ได้มีการแนบแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรประกอบ แต่ในกรณีนี้ฝ่ายโจทก์ได้แนบแบบรับรองทะเบียนราษฎรที่มีการคัดถ่ายไม่เกิน 1 เดือน ประกอบในการขอออกหมายเรียกพยานเพื่อยืนยันที่อยู่ของพยาน อันเป็นการปฏิบัติการออกหมายเรียกพยานและส่งหมายเรียกให้พยานโดยชอบแล้ว
และศาลก็จะดำเนินการออกหมายเรียกให้ตามนั้น เพราะเหตุที่คู่ความและพยานจะต้องมีการประสานงานกันเพื่อมาเบิกความต่อศาลอันเป็นประโยชน์ต่อคู่ความฝ่ายนั้น ศาลไม่มีส่วนได้เสียกับบุคคลใด ในคดีรวมถึงพยานทั้งสองฝ่าย หากไม่มีเหตุขัดข้องดังกล่าวข้างต้น ไม่มีความประสงค์ที่จะออกหมายจับแพทย์ให้เกิดข้อโต้แย้งแต่อย่างใด การที่ศาลปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 111(2) ก็เพื่อให้ได้ตัวพยานมาเบิกความในประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ฝ่ายโจทก์แถลงยืนยันที่จะให้มี
การสืบพยานปากนี้ มิใช่เป็นการออกหมายจับในฐานะผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาแต่อย่างใด เป็นการปฏิบัติไปตามกระบวนพิจารณาซึ่งมีกฎหมายรองรับให้อำนาจไว้ และศาลได้ใช้ดุลพินิจในการใช้อำนาจตามกฎหมายดังกล่าวด้วยความรอบคอบและเป็นธรรมแก่คู่ความในคดีทุกฝ่าย อันเป็นการอำนวยความยุติธรรมตามกรอบของกฎหมายและจริยธรรมโดยชอบ มิได้มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด เนื่องจากศาลต้องวางตัวเป็นกลางและมิใช่เป็นการออกหมายจับในฐานะผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาแต่อย่างใด
เรื่องที่เกี่ยวข้อง