วช.เปิดไทม์ไลน์ โรคโควิด-19 ตั้งแต่พบรายงานครั้งแรก 13 มกราคม ถึงวันนี้ คนไทยจะเห็นชัดว่า แนวโน้มผู้ป่วย COVID-19 ของบ้านเรา เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน กราฟนับได้ว่า อยู่ในเกณฑ์ดี ขอเพียงอย่าเพิ่งผ่อนปรนมาตรการใดๆ เร็วเกินไปนัก
วันที่ 17 เมษายน ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านวิจัยและวิชาการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เปิดไทม์ไลน์ โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่พบรายงานครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 - วันที่ 15 เมษายน 2563 ที่มีการประกาศห้ามอากาศยานห้ามการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 3
ไทม์ไลน์โรคโควิด ดังกล่าว แสดงให้สถานการณ์สำคัญๆ ในประเทศไทย อาทิ
- กรมควบคุมโรคเปิด EOC ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2563
- 13 มกราคม พบผู้ป่วยรายแรกในไทย (นักท่องเที่ยวจากตปท.)
- 15 มกราคม พบผู้ป่วยคนไทยรายแรก กลับจากตปท.
- 31 มกราคม พบผู้ป่วยรายแรกที่ไม่ได้กลับจากต่างประเทศ เป็นคนขับแท็กซี่
- 29 กุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อันตราย
- 1 มีนาคม มีผู้เสียชีวิตรายแรกในไทย
- 6 มีนาคม เหตุการณ์สนามมวย
- 9 มีนาคม เหตุการณ์สถานบันเทิงย่านทองหล่อ
- 15 มีนาคม ไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 100 ราย /ค้นหาผู้เสี่ยงสูง 135 คน กลับจากงานดาวะห์
- 16 มีนาคม ประกาศยกเลิกวันหยุดสงกรานต์
- 22 มีนาคม ปรับเกณฑ์การวินิจฉัย ให้ใช้ผลตรวจครั้งเดียวได้ ซึ่งวันเดียวกันนี้ คนเริ่มกลับต่างจังหวัด หลังจากกทม.สั่งปิดห้างร้าน
และ 26 มีนาคม ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเกิน 1 พันราย วันเดียวกันนี้ รัฐบาลประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตั้งศบค.
- 2 เมษายน ประกาศเคอร์ฟิว
- 3 เมษายน ประกาศห้ามอากาสยานทำการบินเข้าไทยเป็นการชั่วคราว (4-6 เมษายน)
- 6 เมษายน ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 2 (ห้าม 7-18 เมษายน) วันเดียวกัน รับคนไทยที่ไปร่วมพิธีทางศาสนาในอินโดนีเซีย
-12 เมษายน ประกาศห้ามจำหน่ายสุราชั่วคราว
และ 15 เมษายน ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทย เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 3 (ห้าม 19-30 เมษายน2563)
มาตรการทั้งหมด คนไทยจะเห็นชัดว่า แนวโน้มผู้ป่วย COVID-19 ของบ้านเรา เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน ในช่วงนี้กราฟประเทศไทย นับได้ว่า อยู่ในเกณฑ์ดี ขอเพียงอย่าเพิ่งผ่อนปรนมาตรการใดๆ เร็วเกินไปนัก "การ์ดอย่าตก" มิเช่นนั้น ยอดผู้ป่วยติดเชื้อก็อาจมีเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นได้..