แม้แต่สายพันธุ์ที่ดูเหมือนว่าไม่ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในพื้นที่ต้นกำเนิด สายพันธุ์ที่ว่านี้ก็อาจจะกระจายไปได้ทั่วโลกและทำให้เกิดคลื่นการระบาดที่อื่นแทนได้ ตัวอย่างเช่นโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ BF.7 ที่ประเทศจีน ณ เวลานี้ และพวกมันเมื่อเคลื่อนที่ไปที่อื่นแล้วก็อาจจะไปรวมตัวกับสายพันธุ์อื่นๆอีก เช่น BF.7 อาจจะไปรวมตัวกัน XBB หรือว่า XBB.1.5 ในสหรัฐฯอีกก็เป็นไปได้เช่นกัน
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันนั้น มีสองประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในประเทศไทย 1.ความกังวลเรื่องของการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ซึ่งอาจจะนำมาสู่การระบาดครั้งใหญ่ และ 2. โควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ที่มีการกลายพันธุ์จนส่งผลทำให้มีศักยภาพในการแพร่เชื้อเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม นพ.นพ. ที. ไรอัน เกรกอรี่ (T. Ryan Gregory) นักชีววิทยาด้านวิวัฒนาการและนักชีววิทยาจีโนมชาวแคนาดากล่าว ให้ความเห็นเอาไว้ว่าการแสดงความกังวลกับเหตุการณ์ระบาดที่ใดที่หนึ่ง หรือความกังวลต่อสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งที่อยุ่การระบาด ณ เวลานี้ อาจจะเป็นสิ่งที่ผิด
สำนักข่าวอิศรา (wwww.isranews.org) จึงได้นำเอารายงานดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
“ผมคิดว่าโควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 (คราเค่น) นั้นเป็นสิ่งที่ให้ข้อมูลได้เป็นอย่างมากเกี่ยวกับวิวัฒนาการของไวรัสโควิด-19 และการละเลยความเสี่ยงของแต่ละสายพันธุ์ การมุ่งเน้นไปที่สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งเพียงอย่างเดียว ถึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเป็นอย่างยิ่ง” นพ. ที. ไรอัน เกรกอรี่ (T. Ryan Gregory) นักชีววิทยาด้านวิวัฒนาการและนักชีววิทยาจีโนมชาวแคนาดากล่าว
@ชื่อของโควิดโอไมครอน XBB
สิ่งที่ต้องระลึกก็คือว่าชื่อของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ XBB ตัวอักษร X นั้นมีความหมายว่าว่าเป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากการผสมกันของสายพันธุ์โควิดที่แตกต่างกันออกไป โดย โอไมครอน XBB.1 นั้นถือว่าเป็นลูกหลานในรุ่นแรกของสายพันธุ์ย่อย XBB (ที่ถูกผสมกัน) ดังนั้น XBB.5 จึงเป็นเสมือนกับลูกหลานในรุ่นที่ 5 ของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB.1
สำหรับการตั้งชื่อเล่นของโควิด XBB.1.5 ว่าคราเค่นดังกล่าวนั้นยังเป็นชื่อที่ไม่เป็นทางการอย่างไร แต่ว่าเป็นการตั้งชื่อเพื่อทำให้ผู้คนสามารถจดจำได้ง่ายว่ามีไวรัสโควิดสายพันธุ์ไหนที่กำลังหมุนเวียนและเติบโตบ้าง ซึ่งในปัจจุบันมีโควิดในสายพันธุ์โอไมครอนมากกว่า 650 สายพันธุ์ย่อย
สำหรับโควิดสายพันธุ์ย่อยที่ไล่เรียงมาตั้งแต่ XBB.1 ไปจนถึงโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 นั้นก็ถือว่าเป็นลูกหลานของสายพันธุ์ XBB ที่มีชื่อเล่นว่าสายพันธุ์ฮิปโปกริฟ ส่วนสายพันธุ์ย่อย XBB.1 ดังกล่าวนี้มีชื่อเล่นว่ากริฟฟอน
ดังนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่าชื่อของไวรัสโควิดในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะถูกตั้งชื่อจากสัตว์ในเทวนิยาย โดยสายพันธุ์แรกที่ถูกตั้งชื่อตามสัตว์ในเทวนิยายได้แก่โควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 ที่ถูกเรียก่าสายพันธุ์เซนทอร์
วงศ์วานของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
@ สายพันธุ์ XBB มาได้อย่างไร
สายพันธุ์ XBB นั้นปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกจากการผสมกันของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่อยู่ในแขนงของ BA.2 (ไวรัสที่อยู่ภายใต้แขนงของ BA.2 ที่กำลังระบาดอยู่ตอนนี้ก็คือโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5 ) โดยเป็นการผสมกันระหว่างโอไมครอน BJ.1 และ BM.1.1.1.
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของซุปของสายพันธุ์โควิดนั้นเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่มีโควิดที่มีความแตกต่างกันของสายพันธุ์ระบาดในสถานที่แตกต่างกันออกไป เช่นที่ยุโรปมีการระบาดของโควิดสายพันธุ์ย่อย BQ.1 (ชื่อเล่นไทฟอน) และทีอเมริกาเหนือมีการระบาดของโควิดสายพันธุ์ย่อย BQ.1.1 (ชื่อเล่นเซอร์เบอรัส) ในตอนนี้ก็มีการระบาดของโควิดสายพันธุ์ย่อย XBB ในรุ่นดั้งเดิม
“ในเวลานั้นเรามีความเห็นเกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อย XBB และสายพันธุ์ย่อยของ BQ ไปในสักษณะที่ค่อนข้างจะสุดขั้ว คือมีทั้งฝ่ายที่เห็นว่าเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด กับฝ่ายที่มองว่ามัไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดกับสายพันธุ์ย่อยอื่นๆที่มีความสำคัญจนถึงสายพันธุ์ย่อย BA.2.75 ซึ่งการจะมีความเห็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์แต่อย่างใด” นพ.เกรกอรี่กล่าว
โอไมครอน XBB.1.5 ระบาดที่สหรัฐอเมริกา (อ้างอิงวิดีโอจาก FOX)
@ไม่ควรมองแค่ที่เดียว
เหตุผลหนึ่งที่ระบุว่าการมองทิศทางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตอนนี้ไม่ควรมองไปที่เดียวเพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการระบาดขอไวรัสได้ เพราะว่าตามธรรมชาติของไวรัสที่มีลักษณะของการระบาดที่รวดเร็วนั้นอาจจะไม่ส่งผลกระทบมากนักกับประเทศใดประเทศหนึ่งก็เป็นไปได้ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อไวรัสระบาดในที่หนึ่ง มันอาจจะทำให้เกิดลูกหลานที่แตกต่างกันออกไป
ตามที่เรียนไปแล้วว่าสายพันธุ์ย่อย XBB นั้นเกิดมาจากการผสมกันระหว่างสายพันธุ์ย่อยในแขนงของ BA.2 สองสายพันธุ์ได้แก่ BJ.1 และ BM.1.1.1
โดยโควิดสายพันธุ์ BJ.1 นั้นมีอีกชื่อหนึ่งว่า BA.2.10.1.1. และโควิด BM.1.1.1 มีอีกชื่อว่า BA.2.75.3.1.1.1 ที่เป็นลูกหลานของ BA.2.75 หรือที่เรียกกันว่าสายพันธุ์เซนทอร์นั่นเอง โดยสายพันธุ์ดังกล่าวที่ว่ามานี้มักจะพบกันอย่างแพร่หลายในประเทศอินเดีย
และเนื่องจากการประสบความสำเร็จในแง่ของการกลายพันธุ์เพื่อหลบภูมิคุ้มกันส่งผลทำให้สายพันธุ์ XBB (กริฟฟอน) และสายพันธุ์ XBB.1 (ฮิปโปกริฟ) มีศักยภาพในการระบาดไกลเกินกว่าแค่แหล่งกำเนิดของตัวเองตามมาด้วยการระบาดไปทั่วโลก
สายพันธุ์ XBB.1 ที่ว่านี้ได้มีการวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องและมีลูกหลานออกมาอีกหลายสายพันธุ์จนในที่สุดก็มาถึง XBB.1.5 (คราเค่น) ที่มีการระบาดพุ่งสูงในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยสาเหตุหลักของการหลบภูมิคุ้มกันที่สูงมากดังกล่าวนั้นส่วหนึ่งก็มาจากการศักยภาพในการเกาะติดตัวรับ ACE2 ที่ดียิ่งขึ้น และส่วนผสมของสายพันธุ์อื่นๆที่เป็นปัญหา
ประเด็นถัดมาก็คือว่าเพราะการที่ XBB.1.5 มีข้อได้เปรียบในเรื่องของการเจริญเติบโตอย่างมาก จนสามารถแทนที่สายพันธุ์ในแขนงของ BQ และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอเมริกาเหนือได้นั้นได้กลายมาเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดไปยังประเทศอื่นแล้ว
โดยตอนนี้เรายังไม่รู้ชัดเจนว่าสายพันธุ์ XBB.1.5 (คราเค่น) นั้นมีความรุนแรงมากขึ้นหรือว่ามีพฤติกรรมการโจมตีเนื้อเยื่อที่แตกต่างกันมากขึ้นหรืออย่างไรเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ แต่ที่เรารู้ได้อย่างชัดเจนก็คือการติดเชื้อเป้นจำนวนมากหมายถึงปัญหาที่ส่งผลต่อระบบสาธารณสุข โดยไม่ต้องคำนึงเลยว่าสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นจะมีความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่แต่อย่างใด
ดังนั้นบทเรียนสำคัญก็คือว่าไม่ควรที่จะละเลยโควิดสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งและต้องไม่ติดตามแค่สายพันธุ์หนึ่งที่เกิดการระบาดในที่ๆเดียวด้วยเช่นกัน
กรณีที่เห็นได้ชัดเลยก็คือโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 หรือเซนทอร์ โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยดังกล่าวนั้นไม่ได้ทำให้เกิดภัยพิบัติอันใหญ่หลวงแต่อย่างใด แต่ว่ามันก็ยังไม่หายไปไหน โควิดสายพันธุ์นี้ยังอยู่และมีลูกหลานสืบทอดออกมามากมายและแน่นอนว่ารวมถึงสายพันธุ์ย่อย XBB (กริฟฟอน) ซึ่งสายพันธุ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้เกิดหายนะใหญ่เช่นเดียวกัน
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกสายพันธ์โควิดที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของการแพร่เชื้อ อันมีต้นกำเนิดมาจากซุปของสายพันธุ์โควิดที่มารวมกัน ซึ่งซุปโควิดที่ว่ามานั้นเกิดขึ้นในหลายส่วนของเอเชีย ทว่ามันกลับไม่ถูกจำกัดอยู่แค่ในบริเวณต้นกำเนิดของมันเท่านั้น แต่กลับมีการวิวัฒนาการต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง
ดังจะเห็นได้จากลูกหลานของ XBB ชื่อว่า XBB.1 ก็มีการให้กำเนิดลูกหลานของตัวเองอีกมากมายรวมถึง XBB.1.5 ที่มาจากการวิวัฒนาการในอเมริกาเหนือ ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าเป็นกังวลยิ่งกว่าสายพันธุ์ XBB ที่เป็นบรรพบุรุษของมันเสียอีก
นักไวรัสวิทยาที่มาเลเซียออกคำแนะนำว่าอย่าวิตกต่อสถานการณ์โควิดที่ประเทศจีน (อ้างอิงวิดีโอจาก Free Malaysia Today)
นพ.เกรกอรี่กล่าวต่อไปว่าการแสดงข้อความสุดขั้วไปในทางใดทางหนึ่งเพื่อให้เฝ้าระวังไวรัสนั้นอาจจะไม่ช่วยอะไรนัก ดังที่เรียนว่าโควิดในหลายสายพันธ์อาจจะมีคุณสมบัติที่ทำให้มันดูน่ากังวล แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยในแง่ของการจะทำให้มันเป็นคลื่นหายนะของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน
ดังที่จะเห็นได้จากตอนที่โอไมครอนระบาดเป็นครั้งแรกมันดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหา เพราะว่ามันดูเป็นสิ่งที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน ก่อนที่ในภายหลังเราถึงได้พยายามจะมีมาตรการบางอย่างที่คิดว่าเหมาะสมเพราะว่าเราต้องเผชิญกับการเกิดขึ้นโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่เป็นลูกหลานอื่นๆตามมามากมาย ดังนั้นสิ่งที่เราต้องระลึกไว้เสมอว่าโควิดที่เราเจอในวันนี้มันจะไม่ใช่คลื่นการระบาดที่เลวร้ายที่สุดเสมอไป
สาระสำคัญก็คือว่าการระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นเราทราบกันดีว่ามันมาจากไวรัสที่มีการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเราจึงไม่สามารถจะไปมุ่งเน้นสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ที่ใดที่หนึ่งในช่วงเวลานี้ได้เพียงเท่านั้น
แม้แต่สายพันธุ์ที่ดูเหมือนว่าไม่ก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ในพื้นที่ต้นกำเนิด สายพันธุ์ที่ว่านี้ก็อาจจะกระจายไปได้ทั่วโลกและทำให้เกิดคลื่นการระบาดที่อื่นแทนได้ ตัวอย่างเช่นโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ BF.7 ที่ประเทศจีน ณ เวลานี้ และพวกมันเมื่อเคลื่อนที่ไปที่อื่นแล้วก็อาจจะไปรวมตัวกับสายพันธุ์อื่นๆอีก เช่น BF.7 อาจจะไปรวมตัวกัน XBB หรือว่า XBB.1.5 ในสหรัฐฯอีกก็เป็นไปได้เช่นกัน
เรียบเรียงจาก:https://www.pingthread.com/thread/1609671536914624513,https://www.pingthread.com/thread/1609671536914624513