WHO เผยสถานการณ์โควิดในจีนเลวร้ายตั้งแต่ก่อนจีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์แล้ว ชี้เหตุผลสำคัญที่จีนยกเลิกนโยบายเพราะรู้ว่าใช้ควบคุมโอไมครอนไม่ได้ ขณะมีรายงานข่าวผู้สูงอายุนับล้านยังไม่ได้รับวัคซีน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศจีนนั้นกำลังมีการลุกลาม ซึ่งการลุกลามที่ว่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่ประเทศจีนจะได้มีการผ่อนปรนมาตรการการควบคุมโรคแล้ว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ในจีนได้ออกมาเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนนั้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในกรุงปักกิ่ง หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างกะทันหัน ทิ้งการตรวจเชื้อที่เคยกระทำเป็นจำนวนมาก และละทิ้งนโยบายการกักตัวหลังจากที่เคยทำมากว่าสามปี
“การระเบิดขึ้นของจำนวนของผู้ติดเชื้อในประเทศจีนนั้นไม่ได้เกิดจากการยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด การระเบิดของผู้ติดเชื้อดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นนานตั้งแต่ก่อนที่จะมีการผ่อนปรนนโยบายโควิดเป็นศูนย์แล้ว” นพ.ไมเคิล ไรอัน หัวหน้าแผนกฉุกเฉินของ WHO ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
“มีการระบุว่าในทางใดทางหนึ่งจีนก้ต้องยกเลิกมาตรการการควบคุมโรค และในทันใดทันที โรคนี้ก็ไม่สามารถควบคุมได้” นพ.ไรอันระบุในที่สำนักงานใหญ่ในนครเจนีวาและกล่าวต่อไปว่าโรคนี้ที่แพร่กระจายนั้นเป็นเพราะว่ามาตรการควบคุมไม่ได้หยุดโรคในตัวของมันเอง
“ผมเชื่อว่าทางการจีนได้มีการตัดสินใจในเชิงยุทธศาสตร์แล้วมองเห็นว่ามาตรการควบคุมนั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดอีกต่อไป” นพ.ไรอันกล่าวถึงมาตรการควบคุมโรค และกล่าวต่อไปอีกว่าโควิดสายพันธุ์โอไมครอนซึ่งมีการตรวจพบครั้งแรกตั้งแต่เมื่อช่วงหนึ่งปีก่อนนั้นหมายความว่ามาตรการจำกัดโรคที่จีนได้ดำเนินการมานั้นไม่ได้มีประโยชน์แบบที่เคยมีต่อสายพันธุ์ก่อนหน้าอีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุมนั้นยังอยู่ในระดับที่ต่ำ
“ศักยภาพในการแพร่เชื้อขั้นสุดของสายพันธุ์โอไมครอนนั้นได้ทำอย่างโอกาสในการใช้มาตรการการควบคุมทางสาธารณสุขและมาตรการทางสังคมที่พุ่งเป้าไปยังการควบคุมไวรัสอย่างเต็มที่” นพ.ไรอันกล่าวในการแถลงข่าวกับสมาคมผู้สื่อข่าวสหประชาชาติและกล่าวต่อว่ามาตรการดังกล่าวนั้นเคยถูกใช้เป็นหลักในการปกป้องระบบสุขภาพควบคู่กับการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น แต่ว่าตอนนี้ประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้ (วัคซีน)เปลี่ยนไปแล้ว
“มีข้อมูลจากที่ต่างๆเช่นที่ฮ่องกงที่แสดงให้เห็นว่าวัคซีนเชื้อตายของจีนนั้นจะได้ผลดีถ้าหากมีการฉีดด้วยโดสที่สาม แต่ว่ามันจะมีประโยชน์ก็แค่ว่าต้องฉีดในโดสที่สามเท่านั้น ซึ่งความเข้มข้นของการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้นนั้นก็เกิดขึ้นนานแล้วก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในมาตรการใดๆ” นพ.ไรอันกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่าเหล่าบรรดาผู้นำประเทศจีนนั้นยังคงวางแผนที่จะเดินหน้าต่อไปแม้ว่าตอนนี้ประเทศจีนจะพบกับการพุ่งขึ้นของผู้ติดเชื้อ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความกังวลว่าจีนอาจจะไม่พร้อมสำหรับการจัดการโรคในอนาคต โดย ณ ขณะนี้มีรายงานว่ามีผู้สูงอายุกว่าล้านคนนั้นยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและมีโรงพยาบาลหลายแห่งซึ่งขาดเงินทุนสนับสนุนที่ยังขาดทรัพยยากรในการรับมือกับคลื่นผู้ติดเชื้อที่หลั่งไหลเข้ามา
ขณะที่ทางการกรุงปักกิ่งได้ระบุถึงการยกเลิกมาตรการตรวจผู้ติดเชื้อในวงกว้างและการกักตัวสังเกตอาการโควิด-19 โดยคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีน (National Health Commission-NHC) ยอมรับว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศที่รายงานในช่วงที่ผ่านมา อาจไม่สะท้อนถึงสถานการณ์การระบาดที่แท้จริงในประเทศ โดยออกแถลงการณ์ในวันพุธว่า “ผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการจำนวนมากไม่ได้เข้าร่วมการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสอีกต่อไป ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนับจำนวนผู้ติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการได้อย่างแม่นยำ”