คดีฟ้องขับไล่ ยายโต วัย 91 ปี รื้อถอนบ้าน-จ่ายค่าเสียหาย 17,000 บาท คืบหน้า! ล่าสุด 'อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์' ยกทีมชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าประสานงานให้ความช่วยเหลือแก้คดีชั้นอุทธรณ์-มั่นใจสู้ได้ ชี้ช่องโหว่หลักฐานอ่อนทำแพ้ เล็งขอป่าไม้ทำพิกัดทางอากาศ ใช้ยืนยันสถานะที่ดินใหม่อยู่ในพื้นที่คลองของหลวง
............................
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเสนอข่าวกรณีนางโต พลายชุมพล อายุ 91 ปี หรือ ‘ยายโต’ อยู่บ้านริมคลองแม่น้ำใน ของ บ้านเกาะเหนือ (เป็นส่วนหนึ่งของ บ้านหัวถนน หรือ บ้านคลอง 33 ) เลขที่ 71 หมู่ 6 ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี เนื้อที่ 25 ตารางวา ถูกฟ้องขับไล่และให้รื้อถอนบ้าน เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท ผู้ฟ้องอ้างว่าบ้านของนางโตสร้างอยู่บนที่ดินของบรรพบุรุษของตนเอง กระทั่ง 12 ม.ค.2564 ศาลพิพากษาให้นางโตรื้อถอนบ้านชดใช้ค่าเสียหาย 17,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนับจากวันฟ้อง (20 มิ.ย.2562) และให้ชำระค่าเสียหายอันเป็นค่าขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดินพิพาทเป็นรายเดือนเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะขนย้ายรื้อถอนบ้าน และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ค่าทนายความ 3,000 บาท
(เรื่องเกี่ยวข้อง: ยายโต วัย 91 ปี บ้านหลังเก่าริมคลอง ถูกฟ้องขับไล่ ชดใช้ 57,000 บาท, ฉบับเต็ม! คำพิพากษาคดีฟ้องขับไล่ ยายวัย 91 ปี รื้อถอนบ้าน-จ่ายค่าเสียหาย 17,000 บาท)
ล่าสุด ญาติของยายโต เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ยายโตกำลังยื่นขออุทธรณ์สู้คดีต่อ โดยจะเปลี่ยนทนายความคนใหม่ให้มาช่วยว่าความในการยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังหาไม่ได้ จึงจะไปยื่นเรื่องขอยืดเวลาการยื่นอุทธรณ์คดีออกไปก่อนจนกว่าจะหาทนายคนใหม่ได้
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 26 ม.ค 2564 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำทีมชมรมลงพื้นที่ไปยังบ้านของยายโต เพื่อติดต่อให้ความช่วยเหลือในการช่วยแก้คดีในชั้นอุทธรณ์
โดยในเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โพสต์ข้อความว่า ชมรมได้รับแต่งตั้งจากคุณยายโต มาช่วยแก้คดีในชั้นอุทธรณ์ให้คุณยาย มั่นใจสู้ได้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายอัจฉริยะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากพื้นที่บ้านของคุณยายอยู่นอกอำนาจเขตที่ดินของฝ่ายโจทก์ และเมื่อตรวจดูตามพิกัดแล้วก็พบว่าพื้นที่บ้านของคุณยายโตอยู่ในเขตของที่ดินหลวง ซึ่งฝ่ายโจทก์ไม่มีสิทธิในการฟ้อง
"ในการนำสืบพยานศาลชั้นต้นพบว่า ไม่ได้นำเจ้าหน้าที่ที่ยืนยันว่าบ้านของคุณยายโตอยู่ในเขตที่ดินของฝ่ายโจทก์มาสอบ แต่กลับไปนำผู้ใหญ่บ้านมายืนยัน ทำให้ข้อมูลไม่มีน้ำหนักพอ ขณะที่ฝ่ายโจทก์มีโฉนดแปลงใหญ่และได้นำเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่ามาเบิกความและยืนยัน จึงทำให้ข้อมูลหลักฐานของฝ่ายโจทก์มีน้ำหนักมากกว่า ฝ่ายโจทก์จึงเป็นฝ่ายชนะคดีไป แต่เราน่าจะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดตรงนี้ได้"
เมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้คดี นายอัจฉริยะ กล่าวว่า "ในส่วนของข้อความปรปักษ์เราไม่สามารถสู้กับฝ่ายโจทก์ได้เนื่องจากบ้านของคุณยายโตไม่ได้อยู่ในพื้นที่บ้านของฝ่ายโจทก์ แต่จะสู้ในประเด็นอื่น ซึ่งในขณะนี้เราได้ขอให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาช่วยทำพิกัดทางอากาศให้ใหม่ โดยจะทำการแยกให้เห็นชัดว่าพื้นที่ไหนคือคลอง พื้นที่ไหนคือที่ดิน เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่าที่ของคุณยายโตนั้นอยู่ในพื้นที่คลองซึ่งเป็นพื้นที่หลวง"
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/