หลังจากสิ้นสุดเดือนแห่งการถือศีลอด หรือ “เดือนรอมฎอน” หรือ “เดือนปอซอ” วันถัดมาคือวันเฉลิมฉลองของพี่น้องมุสลิมทั่วโลก
เรียกกันว่าวันอีฎิลฟิตรี หรือ “วันอีด” หรือ “วันฮารีรายอ” ซึ่งพี่น้องมุสลิมชายแดนใต้เรียกกันว่า “รายอปอซอ” ปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ค.64
“ตูป๊ะ” คือเมนูอาหารยืนหนึ่งประจำเทศกาลฮารีรายอ ในอดีตแทบทุกบ้านต้องมีการทำตูป๊ะ เป็นค่านิยมท้องถิ่นที่สำคัญ แม้ในยุคนี้ที่มีความสะดวกสบาย สังคมเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นเมืองและสากลมากขึ้น พี่น้องมุสลิมยุคใหม่อาจทำตูป๊ะไม่เป็นกันทุกคน แต่แทบทุกคนหวนกลับมากินขนมโบราณคลาสสิคนี้กันมากขึ้น
การสั่งทำจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการมีตูป๊ะไว้รับประานในวันรายอ ด้วยความรู้สึกที่ว่า...ขาดไม่ได้
ขณะที่สาวๆ หลายบ้านหันมาหัดทำ “ตูป๊ะ” กัน เพราะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะการห่อให้สวยงาม เป็นการโชว์ฝีมือและรักษาภูมิปัญญาไว้ไม่ให้สูญหาย
“ตูป๊ะ” หรือ “ตูปัต” คือข้าวต้มใบกะพ้อ มีลักษณะคล้ายข้าวต้มมัด แต่นิยมห่อด้วยใบกะพ้อหรือใบจากเป็นรูปสามเหลี่ยม มักจะทำกันในวันก่อนรายอหนึ่งวัน โดยนำใบกะพ้อซึ่งควรใช้ยอดใบที่ยังไม่กางมาสานเป็นลูก ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม มีสามมุม จากนั้นนำข้าวเหนียวขาวหรือข้าวเหนียวดำที่ผัดกับน้ำกะทิ น้ำตาล และเกลือ จะใส่ถั่วขาวหรือถั่วดำเพื่อความอร่อยยิ่งขึ้นก็ได้ มาห่อด้วยใบกะพ้อเป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วนึ่งจนสุก กลายเป็น “ตูป๊ะ” ที่เหนียวนุ่มละมุนลิ้น
ความอร่อยไม่แพ้กันในการที่จะจิ้มตูป๊ะกับแกงหรือกินเปล่าๆ ก็ได้
แม้ในชีวิตประจำวันของผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่ต่อเนื่องยาวนานมากว่า 17 ปี แต่ประเพณีอันดีงามทั้งการถือศีลอด ร่วมเฉลิมฉลองวันฮารีรายอ และออกเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง ดูแลกุโบร์ ยังเป็นประเพณีปฏิบัติที่ไม่เคยว่างเว้น เป็นภาพของความปรองดอง สมัครสมานสามัคคีที่ยังปรากฏอยู่ไม่เสื่อมคลาย แม้ปีที่แล้วและปีนี้ เดือนรอมฎอนและวันรายอจะอยู่ในช่วงของโควิดระบาดก็ตาม
สำหรับวันฮารีรายอ หรือที่เรียกกันว่า “วันอีด” ในอิสลามมี 2 วัน คือ “อีฎิลฟิตรี” เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการสิ้นสุดเดือนแห่งการถือศีลอด ตรงกับวันที่ 1 ของเดือนเซาวาล อันเป็นเดือนถัดจากเดือนรอมฎอนตามปฏิทินทางจันทรคติของอิสลาม
ส่วนวันอีดอีกวันหนึ่งคือ “อีฎิลอัฎฮา” เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่มุสลิมจากทั่วทุกมุมโลกได้มีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
แม้วันอีดรายอปีนี้จะมีคำสั่งจากทางจัีงหวัดให้งดละหมาดที่มัสยิด และงดเยี่ยมญาติ หรือเลี้ยงรวมกลุ่มกัน แต่การชิมรสชาติ “ตูป๊ะ” ของแต่ละบ้านยังมีเช่นเดิม
@@ ออเดอร์ถล่ม...ข้าวหลามเบตง กระบอกไม้ไผ่ “บาซูก้า”
ส่วนที่ อ.เบตง จ.ยะลา ต้องบอกว่าไม่น้อยหน้า เพราะพี่น้องมุสลิมที่นั่นกำลังเร่งมือทำ “ปูโละลือแม” หรือ “ข้าวหลามบาซูก้า” เป็นเมนูสำคัญที่ต้องมีเกือบทุกบ้านไว้ต้อนรับแขก หรือผู้มาเยือน ทั้งญาติสนิทมิตรสหาย ในวันฮารีรายออีฎิลฟิตรี
นางมีเนาะ ชาวอำเภอเบตง เล่าว่า ข้าวหลาม หรือ “ปูโละลือแม” จะทำกันในช่วงเทศกาลวันฮารีรายอ โดยจะนำไม้ไผ่ในป่าซึ่งมีที่เดียวในเบตง และต้องขึ้นภูเขาไปหาไม้ไผ่ที่มีขนาดพอเหมาะ มีลำต้นตรง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-7 เซนติเมตร นำกลับมาเลื่อยเป็นท่อน ท่อนละประมาณ 1 เมตร
หลังจากเลื่อยไม้ไผ่เป็นท่อน ก็นำมาล้างทำความสะอาด เพราะไม้ไผ่พันธุ์นี้เมื่อถูกผิวหนังจะคัน จึงต้องล้างให้สะอาด แล้วตัดกระบอกไม้ไผ่ที่ไม่แก่และอ่อนเกินไป พร้อมตัดใบตองยาวเท่ากับกระบอกข้าวหลาม แล้วใช้ไม้ม้วนใบตองใส่เข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นกรอกข้าวเหนียวที่ล้างแล้วเทลงในกระบอก ตามด้วยน้ำกะทิผสมน้ำตาล และเกลือ เพื่อให้ได้รสชาติหวานมัน จากนั้นนำไปย่างไฟที่ไม่แรงมากนัก ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง จนข้าวหลามสุก ก็จะได้ข้าวหลามรสชาติเยี่ยม เหนียว หวานมัน เหมาะสำหรับรับประทานกับแกงมัสมั่น และกาแฟโบราณเบตง
ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชาวอำเภอเบตงที่ทำข้าวหลามขาย ได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการเปิดรับออเดอร์ “ข้าวหลามบาซูก้า” ส่งตรงไปให้ชิมถึงบ้าน ซึ่งข้าวหลามบาซูก้านี้รัเป็นสูตรโบราณ มี 2 แบบให้เลือกรับประทาน คือ แบบธรรมดากระบอกละ 120 บาท และแบบใส่ถั่วดำ กระบอกละ 130 บาท ล่าสุดมียอดจองถล่มทลายถึง 200 กระบอกแล้ว