
หลายคนอาจจะเคยเห็นการแข่งขันประชันเสียงนกเขา นกกรงหัวจุก (นกปรอดหัวโขน) ซึ่งมีจัดการแข่งขันเป็นมหกรรมใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่บ่อยครั้ง
แต่ยังมีการแข่งขันประชันเสียงสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ที่แม้จะแปลกและไม่ค่อยเคยเห็นในสื่อแขนงต่างๆ มาก่อน แต่ทีมข่าวบุกพิสูจน์มาแล้วว่ามีการแข่งขันกันจริงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นก็คือ “การแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน”
การจัดแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน หรือภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า “งาโต๊ะลาแลจืองิ” ถือเป็นการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านยอดนิยมตั้งแต่ในอดีตที่สร้างความสนุกสนานให้ชาวบ้านในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ต่างจากการแข่งขันประชันเสียงนกเขาและนกกรงหัวจุกในปัจจุบัน

สืบเนื่องจากในอดีตพื้นที่ชายแดนใต้ยังมีสภาพเป็นสังคมชนบท ชาวบ้านก็ประกอบอาชีพเกษตรกร ทำไร่ ทำนา ทำประมง ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ การคมนาคมก็ไม่สะดวกเหมือนในปัจจุบัน ในยามค่ำคืนจะมีเสียงตั๊กแตนตามป่า ฟังแล้วไพเราะเสนาะหู ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่จับเอาตั๊กแตนมาเป็นสัตว์เลี้ยง เพื่อฟังเสียงสร้างความบันเทิงกัน
เมื่อมีผู้เลี้ยงตั๊กแตน เป็นจำนวนมาก จึงเกิดความคิดนำมาแข่งขันประชันเสียงกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
สำหรับตั๊กแตนที่ชาวบ้านนำมาแข่งขันประชันเสียงกัน จะมีอยู่ 2 สายพันธุ์ โดยแยกตามลักษณะลําตัวที่มีสีเขียวและสีน้ำตาล ซึ่งตั๊กแตนที่ชาวบ้านจับมาเลี้ยงเพื่อแข่งขันประชันเสียงจะเป็นตั๊กแตนตัวผู้ มีลักษณะลําตัวและปีกแตกต่างจากตั๊กแตนตัวเมีย โดยจะส่งเสียงร้องช่วงเวลาค่ำคืน
ตั๊กแตนแต่ละตัวจะมี “ต้นเสียง” ที่แตกต่างกัน บางตัวเสียงเล็ก บางตัวเสียงใหญ่ บางตัวเสียงทุ้ม บางตัวเสียงดังกังวาน บางตัวขัน 1 เสียง บางตัวขัน 2 เสียง หรือบางตัวอาจขันถึง 3 เสียงติดต่อกัน

ผู้ที่ต้องการเลี้ยงตั๊กแตนจึงต้องพยายามฟังเสียงแล้วเดินไปหาตามเสียงที่ชอบ แล้วจับมาเลี้ยงเอาไว้
ส่วนกรงสําหรับการเลี้ยงตั๊กแตนมีหลากหลายชนิดอย่างไม่น่าเชื่อ ขึ้นอยู่กับการประดิษฐ์กรงของแต่ละคน
ถ้าในอดีตการทํากรงสําหรับเลี้ยงตั๊กแตนมีอยู่ 2 แบบ คือ ทําจากขวดน้ำมันเครื่องไดเกียว ซึ่งต้องหาตามอู่ซ่อมรถ กับอีกแบบคือกรงประดิษฐ์จากก้านใบต้นสาคู
ในยุคต่อมามีการประดิษฐ์กรงเลี้ยงตั๊กแตนหลากหลายแบบมากขึ้น แล้วแต่ความคิด ไอเดียสร้างสรรค์ และความสามารถของแต่ละคน

สำหรับอาหารของตั๊กแตนที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยง จะเป็นพวกผักยอดอ่อน เช่น ผักบุ้ง ผักกาด แตงกวา และเนื้อสับปะรด อาหารเหล่านี้เป็นส่วนสําคัญต่อเสียงขันของตั๊กแตนที่จะทําให้ชนะการแข่งขันประชันเสียงได้ด้วย
ในการแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน จะคล้ายกับการแข่งขันนกกรงหัวจุก โดยจัดขึ้นเป็นกิจกรรม มีการลงทะเบียนเข้าร่วมแข่งขัน มีรางวัลสำหรับผู้ชนะ ซึ่งในอดีตจะเป็นผ้าห่ม โสร่ง เสื้อ และเครื่องใช้ในครัวเรือน เพราะสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้า จึงยังไม่มีของรางวัลเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เหมือนปัจจุบัน
การแข่งขันจะจัดขึ้นในช่วงกลางคืน และเลือกสถานที่จัดการแข่งขันที่ปราศจากเสียงรบกวนจากบริเวณใกล้เคียง

กฎกติกาการแข่งขันโดยทั่วไปจะมีกรรมการตัดสินแพ้ชนะ 3 คน แต่ละคนจะสลับสับเปลี่ยนกันเดินตามแถวราวที่แขวนกรงตั๊กแตน เพื่อจดบันทึกเสียงขันตามกฎกติกา เรียกว่า การให้คะแนนครบ 3 ยก
การให้คะแนนแต่ละครั้งมีการจับเวลา คือ นํากะลามะพร้าวที่เจาะรูตั้งบนน้ำในถังภาชนะ ถ้ากะลาจมลงแสดงว่า “หมดเวลาการให้คะแนน” จากนั้นคณะกรรมการต้องสลับแถวกัน แล้วเริ่มต้นจับเวลาใหม่
ส่วนใหญ่เกณฑ์การให้คะแนน หากตั๊กแตนตัวใดขัน 1 เสียง จะได้ 1 คะแนน ขัน 2 เสียง ได้ 2 คะแนน แล้วนําคะแนนจากคณะกรรมการทั้ง 3 คนมารวมกันเพื่อหาตั๊กแตนตัวที่ชนะที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ต่อไป

อย่างการแข่งขันประชันเสียงตั๊กแตน เมื่อวันที่ 15 ต.ค.68 ที่สนามบ้านเนียง หน้าอนามัยบ้านเปาะเส้ง ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา มีพี่น้องประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่แห่นำตั๊กแตนเข้าร่วมและเข้าชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
โดยวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขัน เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์กีฬาพื้นบ้านดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ และเป็นการส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน รวมถึงการสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่
การแข่งขันเริ่มเวลา 21.30 น. หรือ 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลากลางคืนที่เริ่มเงียบสงัด ผู้เข้าสมัครต้องลงทะเบียนเข้าแข่งขัน รายละ 50 บาท และไม่มีการจำกัดจำนวนตั๊กแตนที่เข้าแข่งขัน จะใช้การประชันเสียงตั๊กแตนกัน 2 ยก ยกละ 60 วินาที โดยมีคณะกรรมการจากทีมงานปูรากาซิง ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการแข่งขันตั๊กแตนมาเป็นผู้ตัดสิน

ขณะที่ไฮไลต์การแข่งขันในครั้งนี้ ทางคณะผู้จัดการแข่งขันได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ถ้ามีคาราวานตั๊กแตนมาร่วมการแข่งขันถึง 2,000 ตัว จะมีการเตรียมรางวัลพิเศษ เป็นควาย 1 ตัวสำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขัน
โดยรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ จะได้รับถ้วยเกียรติยศจาก นายนพพร หนูเพชร นายอำเภอเมืองยะลา และรางวัลใหญ่ (จับฉลาก) ตู้เย็น (รางวัลที่ 1),เครื่องซักผ้า (รางวัลที่ 2), จักรยาน (รางวัลที่ 3-4) และของรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ ที่นอนโตโต้ 150 ชิ้น

ว่าที่ ร.ท.ปารีด กะลูแป นักวิชาการศึกษา อบต.ลิดล จ.ยะลา กล่าวว่า การแข่งขันนี้เป็นความคิดริเริ่มของคณะกรรมการหมู่บ้านและทีมปกครอง โดยเฉพาะ นายยาซิง สะมะอุง กำนันตำบลลิดล เพื่อสืบสานวัฒนธรรมที่เคยเลือนหายไปให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังสร้างรายได้ทางอ้อมให้กับชาวบ้านจากการค้าขายช่วงการจัดการแข่งขัน และเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
กำนันยาซิง สะมะอุง กล่าวเสริมว่า การจัดกิจกรรมในพื้นที่หมู่ 3 นี้ เป็นการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และช่วยกระจายรายได้ในหมู่บ้านด้วย ซึ่งการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเกินความคาดหมาย ซึ่งหากมีรายได้คงเหลือจากการจัดงานจะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลต่อไป
----------------------------------
ขอบคุณ : ข้อมูลอ้างอิง https://clib.psu.ac.th/southerninfo/content/2/2b1135a3
