
ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 37 ปี 20 เดือน “อัซมัน เปาะเล๊าะ” จำเลยคดีความมั่นคง 13 หมายจับ หลังรับสารภาพชั้นซักถามและชั้นสอบสวน พัวพันทำร้ายเจ้าหน้าที่หลายเหตุการณ์ แฉประวัติถูกรวบตัวคารถพร้อมพวก 5 คนขณะขับรถเลี่ยงด่านปาลุกาสาเมาะ บาเจาะ นราธิวาส
นายอัซมัน เปาะเล๊าะ เป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่ก่อเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ อย่างโชกโชน และมีชื่อในทางการข่าวว่าเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความไม่สงบหลายเหตุการณ์ ทำให้มีหมายจับในคดีความมั่นถึง 13 หมายจับ
นายอัซมัน เคยเกือบถูกจับกุมได้ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.63 เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ หมู่ 5 ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่า พบเห็นบุคคลต้องสงสัยเข้าไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าว
ระหว่างปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ปรากฏว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องยิงตอบโต้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ส่วนสมาชิกที่เหลือหลบหนีไปได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรายละเอียดวัตถุพยาน จึงพบว่าหนึ่งในสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่หลบหนีไปได้ คือ นายอัซมัน เปาะเล๊าะ
ต่อมาวันที่ 17 ก.ย.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยที่พยายามหลบเลี่ยงจุดตรวจ เมื่อตรวจสอบภายในรถ พบชาย 5 คน พร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง หนึ่งในผู้โดยสารคือ นายอัซมัน เปาะเล๊าะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง 13 หมายจับ และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่เคยหลบหนีจากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อปี 63
จากข้อมูลข้างต้น จึงมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายอัซมัน กระทั่งมีการนำคดียื่นฟ้องต่อศลา
ต่อมาวันที่ 1 พ.ย.67 ศาลจังหวัดนาทวี ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้พิพากษา “จำคุก 8 ปี” นายอัซมัน เปาะเล๊าะ ในความผิดฐานตระเตรียมก่อการกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 114, ความผิดฐานครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ
แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นดำเนินกรรมวิธีซักถามและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงเหลือโทษ “จำคุก 4 ปี 16 เดือน” และให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์
กระทั่งวันที่ 29 พ.ค.68 ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น จาก “จำคุก 4 ปี 16 เดือน” เป็นให้ลงโทษ “จำคุกตลอดชีวิต” นายอัซมัน ในความผิดฐานฆ่าหรือพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่ ซึ่งถือเป็นข้อหาฉกรรจ์
แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นกรรมวิธีซักถาม และในชั้นสอบสวน จึงลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงเหลือ “จำคุก 37 ปี 20 เดือน” และให้ขังจำเลยระหว่างฎีกา
