ผ่านมาแล้ว 59 ครั้ง กว่า 50 จังหวัด สำหรับ “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีความเป็นธรรม” ที่มีกระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพ
ตลอดอายุรัฐบาลอดีตนายกฯเศรษฐา เกือบ 1 ขวบปี กลายเป็นว่า “มหกรรมแก้หนี้ฯ” ดูจะเป็นผลงานที่ได้น้ำได้เนื้อมากที่สุดนโยบายหนึ่งของรัฐบาล
และเห็นผลมากกว่า “การขึ้นทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ” ที่ดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทย
ล่าสุดแม้รัฐบาลอดีตนายกฯเศรษฐา ถึงคราวสะดุด แต่การแก้ปัญหาหนี้สินภายใต้การนำของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กลับไม่สะดุด แต่เดินหน้าสู่เฟส 2 แม้ยังไม่ชัดเจนว่าเจ้าตัวได้นั่งกระทรวงเดิมหรือไม่
“มหกรรมแก้หนี้ฯ” เฟส 2 มีการปรับปรุงและปิดจุดอ่อนหลายอย่าง เพื่อให้โครงการเห็นผลเป็นรูปธรรม และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ได้แก่
1.เพิ่มพื้นที่ และขยายการบริการลูกหนี้เป็น “กลุ่มจังหวัด” เช่น สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จัดที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งสงขลา นราธิวาส ปัตตานี และกำลังไปต่อที่ จ.ยะลา
2.วันจันทร์ที่ 19 ส.ค.ไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และเปิดรับลงทะเบียน พร้อมไกล่เกลี่ยหนี้ให้กับลูกหนี้ในอีกหลายจังหวัดของภาคกลาง เช่น ลพบุรี สระบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ปทุมธานี สุพรรณบุรี เป็นต้น
3.กำหนดโฟกัสหรือจุดเน้นไปที่ “ลูกหนี้ กยศ.” เนื่องจากมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ ลดอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ พร้อมปลดผู้ค้ำประกันทันทีหากลูกหนี้เข้าลงทะเบียนปรับโครงสร้างหนี้
ฉะนั้นในกลุ่มลูกหนี้ กยศ. ขอเพียงแสดงตัวลงทะเบียนปรับโครงสร้างหนี้ จะปลดผู้ค้ำประกันออกทันที จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคำนวณยอดหนี้ใหม่ หรือ “รีแคล” บางรายอาจได้เงินคืน บางรายได้ยืดเวลาชำระหนี้ ส่วนรายที่ถูกบังคับคดีแล้ว ก็จะงดการอายัดทรัพย์หรือขายทอดตลาดทรัพย์สิน
เท่ากับว่า ทันทีที่ลงทะเบียนปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทันที ไม่ต้องรอ เพราะมีกฎหมายใหม่รองรับอยู่แล้ว
4.ปรับระบบการให้บริการใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับการลงทะเบียนปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ได้มากที่สุดในวันที่จัดมหกรรมฯ จากนั้นก็ให้ลงทะเบียนรับคิว เพื่อนัดเวลาเข้าปรับโครงสร้างหนี้ในวันต่อๆ ไป ไม่ใช่ให้บริการเฉพาะวันจัดมหกรรมฯเท่านั้น
5.เร่งการประชาสัมพันธ์เต็มรูปแบบ เพื่อให้ลูกหนี้แสดงตัวลงทะเบียนมากที่สุด กระบวนการทางกฎหมายจะได้เริ่มต้น
โดย พ.ต.อ.ทวี ตั้งเป้าเอาไว้ ภายในสิ้นปีจะต้องปลดผู้ค้ำประกันหนี้ กยศ.ให้หมดทั้งประเทศ ราวๆ 2.3 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ของผู้กู้ กยศ.ที่เป็นนักเรียน นักศึกษานั่นเอง โดยหลักทรัพย์ค้ำประกันโดยมากก็คือ บ้านเรือนที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกิน
ฉะนั้นการปลดผู้ค้ำประกันทั้งหมด จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและบรรเทาความเดือดร้อนได้ทันที ไม่ต้องรอกระบวนการอื่น
ขณะที่ลูกหนี้ กยศ.ทั่วประเทศมีทั้งสิ้น 6.8 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา คนรุ่นใหม่ วัยทำงาน กำลังสร้างครอบครัว หากลดภาระหนี้ได้ จะช่วยเพิ่มพลังทางเศรษฐกิจมหาศาล
จากการปรับทิศทางเพื่อเดินหน้า “มหกรรมแก้หนี้ฯ” ในเฟส 2 ผลปรากฏว่า ยอดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ต่อวันสูงขึ้นมาก โดย 10 อันดับแรก ข้อมูล ณ วันที่ 18 ส.ค.67 ได้แก่
1.จังหวัดปัตตานี 3,872 ราย
2.จังหวัดนราธิวาส (ครั้งที่ 2) 3,571 ราย
3.จังหวัดนครราชสีมา 2,984 ราย
4.จังหวัดตรัง 2,726 ราย
5.จังหวัดนราธิวาส (ครั้งที่ 3) 2,721 ราย
6.จังหวัดสงขลา (ครั้งที่ 2) 2,542 ราย
7.จังหวัดอุบลราชธานี 2,194 ราย
8.จังหวัดกระบี่ 2,181 ราย
9.จังหวัดภูเก็ต 2,179 ราย
10.จังหวัดนราธิวาส (ครั้งที่ 1) 2,152 ราย
สำหรับยอดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่พุ่งขึ้นในเฟส 2 หลังปรับปรุงวิธีการทำงาน คือ จังหวัดปัตตานี, นราธิวาส ครั้งที่ 2 และ 3 จังหวัดสงขลา ครั้งที่ 2
ส่วนจังหวัดกระบี่ และภูเก็ต ยอดทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เยอะเนื่องจากประชาชนรับรู้ข่าวสารจากการประชาสัมพันธ์มากขึ้นในระยะหลัง
ส่วนมหกรรมแก้หนี้ฯ ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้วันอาทิตย์ที่ 18 ส.ค มี 2 จังหวัด ปัตตานี กับนราธิวาส (ครั้งที่ 3) โดยปัตตานี ปลดภาระหนี้ไปได้ 615 ล้านบาท และนราธิวาส 412 ล้านบาท
ส่วนในวันจันทร์ที่ 19 ส.ค.จะไปเปิดมหกรรมแก้หนี้ฯ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดย พ.ต.อ.ทวี จะเดินทางไปด้วยตัวเอง และให้บริการลูกหนี้อีกหลายจังหวัดในภาคกลาง
@@ ”ทวี“ ลุยเปิดงาน ”มหกรรมแก้หนี้ฯ” รอบ 2 ที่นราธิวาส
สำหรับงาน “มหกรรมแก้หนี้ฯ เฟส 2” นำร่องพื้นที่แรกที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ส.ค.67 จัดขึ้นที่ลานพิกุล มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) ต.โคกเคียน อำเภอเมือง จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปเป็นประธานในพิธีเปิดด้วยตนเอง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวตอนหนึ่งว่า นับตั้งแต่มีการแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาฯ ลูกหนี้ กยศ.จะได้รับสิทธิประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมามีลูกหนี้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้เป็นจำนวนมาก แต่แผนกำหนดจัดงานในแต่ละพื้นที่กำหนดไว้เพียง 1 วัน ทำให้ไม่สามารถรองรับกับความต้องการของลูกหนี้ กยศ.ในแต่ละพื้นที่ได้ทั้งหมด จึงตัดสินใจให้มีการจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้นในทุกพื้นที่เพื่อรองรับผู้กู้
จ.นราธิวาส มีลูกหนี้ กยศ.เข้าเกณฑ์ปรับโครงสร้างหนี้มากถึง 57,313 ราย โดยจัดงาน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 ก.ค.67 มีลูกหนี้ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จำนวน 2,153 ราย คงเหลือกว่า 55,160 ราย และมีลูกหนี้ กยศ. ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานในครั้งนี้แล้ว จำนวน 8,580 ราย
สำหรับลูกหนี้ กยศ. ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ
- ปลดภาระผู้ค้ำประกันทันที
- ผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 15 ปี
- ชำระเสร็จตามสัญญาลดเบี้ยปรับ 100%
- ดอกเบี้ย 1% เบี้ยปรับ 0.5%
- กรณีผู้กู้ยืมที่ถูกบังคับคดี กยศ.จะแถลงของดการบังคับคดี
- กรณีผู้ค้ำประกันถูกบังคับคดี กยศ.จะถอนการบังคับคดี
@@ เปลี่ยนนายกฯ แต่นโยบายแก้หนี้คงเดิม
“วันนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี แต่รัฐบาลก็ยังคงเป็นรัฐบาลชุดเดิม และนโยบายการลดภาระหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นนโยบายหลักที่เรายังคงแก้ไข และสิ่งแรกคือเราจะลดภาระหนี้สินของประชาชน ให้ประชาชนสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข”
“การลดหนี้สินของประชาชน หนี้ก้อนแรกที่จะต้องทำร่วมกันคือหนี้เรื่องการศึกษา เพราะหนี้เรื่องการศึกษาจะมีผลกระทบต่อหนี้อื่นๆ เนื่องจากหนี้เรื่องการศึกษาเป็นหนี้บุริมสิทธิ์ ถ้าเราถูกนายจ้างยึดเงินแล้ว หนี้อื่นๆ มันกระทบไปด้วย จึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน”
“ฉะนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็จะสานต่อนโยบายทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคประชาชาติที่เข้าไปร่วม ก็จะมีนโยบายเข้าไป ซึ่งเรื่องหนี้สินเป็นเรื่องสำคัญ และต้องลดค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ และลูกหนี้ กยศ.ก็จะสามารถไปสร้างความเจริญได้”
“ที่สำคัญคือเราอยากเห็นเป็นรูปธรรมทั่วประเทศ วางแผนกับ กยศ.ได้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่โดยการปลดผู้ค้ำประกัน ซึ่งมีประมาณเกือบ 3 ล้านคน ก็จะคืนความสุขให้ทั้งหมด” พ.ต.อ.ทวี ระบุ
@@ ปัตตานีแน่น! เกือบครึ่งหมื่นแห่แก้หนี้
วันอาทิตย์ที่ 18 ส.ค. มีการจัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ฯ” ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) โดยมี นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน มีพี่น้องประชาชนแห่เข้าร่วมงานมากกว่า 4,000 คน
“ลูกหนี้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ จะได้รับโอกาสขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ ลดเบี้ยปรับ ลดดอกเบี้ย ลดค่างวดรายเดือน งดการฟ้องดำเนินคดี และเงื่อนไขปลดผู้ค้ำประกัน ในส่วนชั้นบังคับคดีจะงดการยึดทรัพย์ งดการขายทอดตลาด และจะยังไม่ถูกบังคับคดี” นายกูเฮง กล่าวตอนหนึ่ง
สำหรับโครงการมหกรรมแก้หนี้ฯ จะจัดขึ้นทั่วประเทศ ทุกจังหวัด พี่น้องประชาชนที่สนใจ สามารถไปร่วมงานได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
และสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ, กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี หรือติดต่อสายด่วนกระทรวงยุติธรรม โทร 1111 กด 77 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี โทร 1111 กด 79
----------------------
ขอบคุณกราฟิกจากรายการข่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี