นายอำเภอเบตงยืนยันไม่มีสัมปทานเส้นทางด่านพรมแดน-ตัวเมืองเบตง เปิดช่องมาเฟียเรียกเก็บค่าผ่านทาง ลุยประสานเทศบาลจัดระเบียบรถโดยสารทั้งหมดต้องจอดนอกด่าน ป้องกันปัญหารถนอกพื้นที่วิ่งเข้าไปรับผู้โดยสาร ตั้งเต็นท์ชั่วคราวแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนสร้างสถานีพักเป็นจุดรับ-ส่งถาวร
จากกรณีกลุ่มผู้ขับรถตู้นำเที่ยวเบตง ถูกกลุ่มชายปริศนาข่มขู่รีดไถเงิน อ้างเป็นค่าผ่านทางเข้าด่านเบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ทำให้ต้องเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบตง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย โดย นายอมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง และ พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ดูกิง ผู้กำกับการ สภ.เบตง รวมทั้งนายกเทศมนตรี ได้ลงไปรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตนเองและรับว่าจะเร่งแก้ไขนั้น
ล่าสุดที่ด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา นายอมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา กรณีมีเรื่องเรียนการข่มขู่รีดทรัพย์รถยนต์โดยสารที่ผ่านพรมแดน ไทย – มาเลเซีย และการให้บริการที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมี นายสกุล เล็งลัคน์กุล นายกเทศมนตรีเมืองเบตง, ตัวแทนจากสำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาเบตง, เจ้าหน้าที่ทหารชุดป้องกันชายแดน, เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรเบตง, เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เบตง และตำรวจท่องเที่ยวเข้าร่วม
นายอมร เปิดเผยว่า กรณีที่เกิดเหตุและมีร้องเรียนว่าต้องจ่ายเงิน 20 ริงกิต หรือ 300 บาท ในการผ่านแดนนั้น จากการประชุมหารือได้ข้อสรุปแล้วว่า รถโดยสารทั้งหมดต้องมาจอดอยู่นอกด่านพรมแดน ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ฉะนั้นต้องเพิ่มความเคร่งครัดโดยใช้กฎหมายบังคับของเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากร และในอนาคตทางเทศบาลเมืองเบตง จะดำเนินการก่อสร้างสถานีพักผู้โดยสารต่อไป โดยรถยนต์โดยสารจะต้องมาจอดด้านนอกด่านพรมแดน และมาส่งผู้โดยสารที่จุดเดียวตามที่ทางเทศบาลกำหนด โดยขณะนี้จะนำเต็นท์มาตั้งที่จุดรับ-ส่งผู้โดยสารก่อน เพื่อจัดระเบียบในเบื้องต้น
“ส่วนผู้โดยสารจะต้องเดินขึ้นไปยังช่องตรวจของ จนท.ด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยจะเริ่มนำเต็นท์และอุปกรณ์มาตั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 5 พ.ค.เป็นต้นไป เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องรถยนต์โดยสารจากนอกพื้นที่วิ่งเข้าไปรับผู้โดยสาร”
นายอำเภอเบตง กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องสัมปทานเส้นทางนั้น จากการตรวจสอบไม่มีการสัมปทานเส้นทาง และจากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดยะลา สาขาเบตง มีเพียงรถยนต์โดยสารสองแถวที่วิ่งประจำทางอย่างเดียว ซึ่งทุกคนจะต้องขึ้นรถโดยสาร คำว่าเก็บเงินจากผู้โดยสาร คือจะต้องขึ้นรถโดยสารแล้ว จึงจะเก็บเงินได้ โดยไม่มีสัมปทานพื้นที่หรือสัปทานเส้นทาง แต่เป็นเพียงรถยนต์โดยสารสาธารณะที่จดทะเบียน มีป้าย มีเส้นทางวิ่งจากด่านพรมแดนไปยังตัวเมืองเบตง
“ยืนยันว่าไม่มีการสัปทานเส้นทาง มีเพียงรถยนต์โดยสารสาธารณะอย่างเดียวที่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร โดยมีค่าตรวจสภาพรถปีละ 2 ครั้ง ค่าธรรมเนียม 1,000 กว่าบาทเท่านั้น”
นายอำเภอเบตง กล่าวด้วยว่า เบตงเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ทุกคนต้องเป็นมิตรที่ดีและไม่เอารัดเอาเปรียบ เพราะฉะนั้นจะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวมีความรู้สึกว่าเมื่อมาเบตงแล้วอุ่นใจ ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เพื่อคนภายนอกจะได้มาเที่ยวเบตงมากขึ้น