โควิดมาเลเซียวิกฤติ ติดเชื้อวันเดียวพุ่งเกือบหมื่นราย รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ 14 วันคุมการแพร่ระบาด ด้าน ผบ.กองกำลังเทพสตรี เผยแม่ทัพภาค 4 สั่งกำลัง 30 ชุดตรึงชายแดนเข้ม เช่นเดียวกับ ฉก.นราธิวาส ลาดตระเวนลำน้ำสกัดลอบข้ามแดน ส่วนที่สงขลาผู้ป่วยโควิดหญิงวัย 76 ปี สังเวยไวรัสร้ายรายล่าสุด
วันที่ 29 พ.ค.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ภาคและจังหวัดสงขลา โดยเฉพาะพื้นที่พรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย มีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งล่าสุดในวันนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีมากถึง 9,020 ราย และติดเชื้อสะสมรวม 558,534 ราย และเสียชีวิตสะสม 2,658 ราย
จากสถานการณ์การความรุนแรงแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งทำให้มีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ทำให้ในที่ประชุมพิเศษของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (MKN) เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน ได้มีการประชุมเรื่องการจัดการสถานการณ์โควิด-19 โดยทางรัฐบาลเลยตัดสินใจจะใช้มาตรการ 3 ระยะ ดังนี้คือ
ระยะที่ 1 การปิดแบบล็อกดาวน์ทั้งหมด (Total Lockdown) จะดำเนินการปิดภาคสังคมและเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบเป็นระยะเวลา 14 วันตั้งแต่ 1 - 14 มิ.ย.64ในช่วงเวลานี้ ทุกภาคส่วนไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการยกเว้นภาคเศรษฐกิจและบริการที่จำเป็น ซึ่งจะอยู่ในรายชื่อของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หากการล็อกดาวน์ระยะ 1 สำเร็จ ก็จะคลายมาตรการเป็นระยะที่ 2
ระยะที่ 2 คือ จะมีการเปิดให้ภาคเศรษฐกิจบางส่วนอีกครั้ง แต่ยังคงเป็นกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องคนหมู่มาก โดยจะใช้ระยะเวลาเฟส 2 คือ 4 สัปดาห์ (นับจากจบระยะที่ 1 )
ระยะที่ 3 คือ จะเป็นแบบมาตรการแบบตอนนี้ ปัจจุบันคือภาคเศรษฐกิจยังคงเปิดกิจการได้ แต่ไม่อนุญาตให้ดำเนินการกิจกรรมทางสังคมต่างๆ
โดยรัฐบาลประเทศมาเลเซีย จะมีประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงอีกทีที่จะเปลี่ยนมาตรการไปยังระยะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โควิดแต่ละวัน จำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ ความสามารถและขีดจำกัดของโรงพยาบาล รวมถึงรัฐบาลจะเร่งเพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หลังจากมีการปิดภาคเศรษฐกิจและสังคมทั้งหมด รัฐบาลได้มีมาตรการแพ็คเกจในการเยียวยาช่วยเหลือ ซึ่งจะมีการประกาศในเร็วนี้
@@ กองกำลังเทพสตรีเข้มชายแดน หลังมาเลย์ล็อกดาวน์
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศมาเลเซีย ทำให้มาเลเซียเตรียมประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศ ในส่วนของชายแดนไทยด้านจังหวัดยะลา ทางกองกำลังเทพสตรีประสานกำลังทหาร ตำรวจตระเวณชายแดนจากชุดเฝ้าตรวจชายแดน ลาดตระเวนเฝ้าระวังชายแดนไทย - มาเลเซีย อย่างเข้มงวด
วันเดียวกันนี้ ทาง พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี ได้ลงตรวจเยี่ยมการทำงานชุดเฝ้าตรวจชายแดน กองกำลังตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 4401 ต.บาละ อ.กาบัง ชุดเฝ้าตรวจชายแดน 4402 ต.ปะแต อ.ยะหา ชุดเฝ้าตรวจชายแดน 4403 ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา และ ชุดเฝ้าตรวจชายแดน 4404 บ้านดินเสมอ ต.คีรีเขต อ.ธารโต ซึ่งเป็นจุดตรวจร่วมไทย-มาเลเซีย ที่มีฐานปฏิบัติการตั้งอยู่ร่วมกับทหารมาเลเซีย โดยได้เน้นย้ำการปฏิบัติของชุดเฝ้าตรวจแนวชายแดนให้เข้มงวดลาดตระเวน จัดระเบียบและดูแลพื้นที่ชายแดนพร้อมสนับสนุนงานมั่นคง มีความพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลาและต้องประสานการทำงานกับกำลังป้องกันชายแดนทหารพรานที่อยู่ใกล้เคียงได้ทันที
นอกจากนี้ยังได้ไปเยี่ยมฐานปฏิบัติการทหารมาเลเซียพร้อมนำหน้ากากอนามัย สเปรย์ เจลแอลกอฮอล์ ตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบเพื่อเป็นขวัญกำลังใจสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ
พล.ต.ศานติ กล่าวว่า หลังทราบข่าวการเตรียมล็อคดาวน์ทั้งประเทศของมาเลเซีย พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้มาตรวจเยี่ยม เน้นย้ำกำลังป้องกันแนวชายแดน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ป้องกันสกัดกั้นตามแนวชายแดน ทั้งนี้ การเฝ้าตรวจชายแดนไทย - มาเลเซีย อยู่ในความดูแลของกองกำลังเทพสตรี มีทั้งกำลังทหารและกำลังของตำรวจตระเวณชายแดน ซึ่งมีทั้งหมด 30 ชุดเฝ้าตรวจในพื้นที่ภาคใต้
ส่วนในพื้นที่ชายแดนฝั่ง จ.ยะลา แม้จะพบการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองน้อย แต่มักมีชาวบ้านเดินทางข้ามไป เพื่อหาของป่า ยังฝั่งมาเลเซียอยู่บ่อยครั้ง จึงต้องทำความเข้าใจกับผู้ท้องถิ่น ประชาชน เพื่อแจ้งเตือนชาวบ้านไม่ให้ข้ามไปหาของป่า ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนักอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่จะไปพบปะหรือสัมผัสกับเชื้อกลับมาได้ ประกอบกับจะมีการล็อคดาวน์ทั้งประเทศในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ อาจทำให้มีผู้แอบลับลอบข้ามกลับมาผ่านช่องทางธรรมชาติมากขึ้น จึงต้องมีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ให้พร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
@@ฉก.นราธิวาส ลาดตระเวนลำน้ำชายแดนไทย-มาเลย์
พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ร่วมลาดตระเวนทางน้ำพร้อมกำชับเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัย ตามลำน้ำตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ตรวจสอบช่องทางข้ามธรรมชาติที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทย ด้าน จ.นราธิวาสกับรัฐกลันตันของมาเลเซีย หลังมีการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย นำโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกามาแพร่ระบาดในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สั่งล็อกดาวน์ พื้นที่ ต.เกาะสะท้อน พร้อมทั้งปิดเส้นทางเข้า-ออกระหว่างหมู่บ้านทั้ง 9 หมู่บ้าน อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ทั้งนี้ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามกำกับดูแล การปฏิบัติตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ของชุดป้องกันชายแดน กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 2 (ร้อย.ปชด.ที่ 2) โดยชุดป้องกันชายแดน จัดกำลังเสริมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเฝ้าระวัง ตลอดตะเข็บชายแดน อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน
@@โควิดสงขลาหญิงวัย 76 ปี เสียชีวิต
ด้านรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และ จ.สงขลา ประจำวันเสาร์ที่ 29 พ.ค.64
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 306 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 143 ราย รักษาหายแล้ว 158 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 5 ราย รอผลตรวจยืนยันอีก 1,788 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 85 ราย, อ.กรงปินัง 41 ราย, อ.เบตง 18 ราย, อ.รามัน 62 ราย, อ.บันนังสตา 35 ราย, อ.กาบัง 4 ราย อ.ธารโต 56 ราย และ อ.ยะหา 5 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 143 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลยะลา 52 ราย โรงพยาบาลเบตง 3 ราย โรงพยาบาลกรงปินัง 1 ราย โรงพยาบาลยะหา 2 ราย โรงพยาบาลสนาม 59 ราย และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กฯ 26 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย แยกเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยโรงงานแคล-คอมพ์ จ.เพชรบุรี 4 ราย และผู้สัมผัสผู้เสี่ยงสูงตลาดบาเจาะ 1 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ 329 ราย รักษาหายแล้ว 273 ราย และเป็นจังหวัดเดียวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
มีผู้ป่วยแยกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 6 ราย โรงพยาบาลสนามหนึ่ง 22 ราย โรงพยาบาลสนามสอง 12 ราย โรงพยาบาลสนามสาม 3 ราย โรงพยาบาลโคกโพธิ์ 2 ราย โรงพยาบาลหนองจิก 1 ราย โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี 4 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาแอดมิท 5 ราย และส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอ ได้แก่ อ.เมือง 142 ราย, อ.หนองจิก 86 ราย, อ.โคกโพธิ์ 4 ราย, อ.ยะหริ่ง 33 ราย, อ.สายบุรี 21 ราย, อ.ไม้แก่น 2 ราย, อ.แม่ลาน 3 ราย, อ.ยะรัง 13 ราย, อ.ปะนาเระ 15 ราย, อ.ทุ่งยางแดง 4 ราย และ อ.มายอ 5 ราย ส่วน อ.กะพ้อ ยังเป็นอำเภอเดียวในสามจังหวัดชายแดนใต้และสงขลาที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด
จ.นราธิวาส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22 ราย แยกเป็นในพื้นที่ อ.ตากใบ 18 ราย (ต.เกาะสะท้อน) , อ.บาเจาะ 1 ราย (ต.บาเระเหนือ) , อ.รือเสาะ 1 ราย (ต.สามัคคี) , อ.สุไหงโก-ลก 1 ราย (ต.สุไหงโก-ลก) และ อ.เจาะไอร้อง 1 ราย (ต.บูกิต) ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 849 ราย รักษาหายแล้ว 655 ราย เสียชีวิตสะสม 2 ราย
ผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 493 ราย, อ.ระแงะ 24 ราย, อ.รือเสาะ 34 ราย, อ.บาเจาะ 30 ราย, อ.จะแนะ 15 ราย, อ.ยี่งอ 8 ราย, อ.ตากใบ 179 ราย, อ.สุไหงโก-ลก 8 ราย, อ.สุไหงปาดี 29 ราย, อ.ศรีสาคร 10 ราย อ.แว้ง 14 ราย, อ.สุคิริน 2 ราย และ อ.เจาะไอร้อง 2 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 31 ราย แยกเป็นกลุ่มสมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่ 16 ราย ,กลุ่มค้นหาเชิงรุกโรงงาน 6 ราย และกลุ่มรอสอบสวนโรค 9 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 1,454 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 1,441 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 13 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 456 ราย รักษาหายแล้ว 990 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นหญิงอายุ 76 ปี อ.เมืองสงขลา มีประวัติเป็นผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตศูง ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 8 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน 1,792 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.หาดใหญ่ 835 ราย, อ.เมืองสงขลา 188 ราย, อ.บางกล่ำ 79 ราย, อ.นาหม่อม 15 ราย, อ.จะนะ 172 ราย, อ.รัตภูมิ 17 ราย, อ.สะเดา 21 ราย, อ.สิงหนคร 13 ราย, อ.เทพา 6 ราย, อ.ระโนด 8 ราย, อ.สะบ้าย้อย 17 ราย, อ.นาทวี 6 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 18 ราย, อ.สทิงพระ 2 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 3 ราย, อ.ควนเนียง 1 ราย เป็นกรณีเรือนจำ จ.สงขลา 26 ราย เป็นคนต่างจังหวัด 14 ราย และจากต่างประเทศ 13 ราย
--------------------
หมายเหตุ - กราฟฟิกแสดงตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย จาก http://covid-19.moh.gov.my/terkini