ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี (ฉก.ปัตตานี) เดินสายให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี หลังจากที่ “ทีมข่าวอิศรา” ได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตสุดลำเค็ญของหลายครอบครัว
เป้าหมายที่ ฉก.ปัตตานี เข้าไปเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือในวันศุกร์ที่ 28 พ.ค.64 มีอยู่ 3 ราย ประกอบด้วย นายสุริยา แซ่อิ้น ผู้ป่วยพิการทางสมอง อาศัยอยู่ใน ต.จะบังติกอ, นายจักรพงษ์ ผ่องอำไพ ผู้ป่วยพิการทางสมอง อาศัยอยู่ใน ต.บานา และ นายสะแปอิง อุเซ็ง ผู้พิการหูหนวก ตาบอด ในพื้นที่ ต.อาเนาะรู
โดยสองรายหลัง ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา เคยตีแผ่เรี่องราวชีวิตกระทั่งได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้นจากผู้มีจิตศรัทธา
พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้พูดคุยกับผู้เดือดร้อนทั้ง 3 ครอบครัว เพื่อสอบถามถึงสภาพความเป็นอยู่ และมอบสเปรย์แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย เพื่อไว้ใช้ในการป้องการการแพร่ระบาดของโควิด และยำ้ว่าหากมีสิ่งใดที่ต้องการให้หน่วยหทารช่วยเหลือ ก็พร้อมจะสนับสนุนและอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกโอกาส
พล.ต.คมกฤช กล่าวว่า หน่วยเฉพาะกิจปัตตานีตระหนักถึงความสำคัญด้านปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงเข้าช่วยเหลือ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในการดำรงชีวิตในช่วงวิกฤตการณ์โควิดด้วย
ลุงสะแปอิง อุเซ็ง ผู้ป่วยพิการหูหนวก ตาบอด ไร้บ้าน จนหลานสาวต้องเช่าบ้านให้อยู่ ทั้งๆ ที่หลานก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีภาระต้องเลี้ยงลูกถึง 6 คน เล่าว่า ดีใจมากที่ทหารมาเยี่ยม อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง
ในส่วนของเงินค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,000 บาทที่หลานสาวต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นนั้น ลุงสะแปอิง บอกว่า ถ้าได้บัตรคนพิการ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือคนพิการจากรัฐบาล ก็คิดว่าจะสามารถแบ่งเบาหลานสาวเรื่องค่าเช่าบ้านได้บางส่วน
“แต่ปัญหาคือตอนนี้บัตรคนพิการยังไม่ได้ เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯจังหวัดบอกว่า ใบรับรองแพทย์ที่ทางโรงพยาบาลให้มา ลายเซ็นหมอ 2 จุดไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องไปทำใหม่ เร็วๆ นี้จะรีบไปดำเนินการเรื่องใบรับรองแพทย์ให้เสร็จ เพื่อให้ได้บัตรเร็วๆ จะได้ช่วยหลานลดภาระ”
มารีนี พรมช่วย อายุ 44 ปี แม่เลี้ยงเดี่ยว ลูก 6 คน และเป็นหลานของลุงสะแปอิง บอกว่า ทราบข่าวว่าลุงป่วย ตาบอด หูหนวก จึงไปรับมาอยู่ด้วย แต่ที่บ้านคับแคบ มีลูกหลายคน จึงต้องเช่าบ้านให้ลุงอยู่ แม้จะไม่มีเงินค่าเช่าบ้านก็ตาม ก็ต้องสู้กันไป
“ตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้น ดีใจมากที่ทหารมาเยี่ยม ทหารเอาของมาให้ ก็พอที่จะบรรเทาความเดือดร้อนไปได้บ้าง แต่ก็ยังกังวลเรื่องค่าเช่าบ้าน เพราะขายของได้บ้างไม่ได้บ้าง เนื่องจากโควิด ก็เลยคิดว่าจะขายส้มต่ำเพิ่ม เผื่อว่าจะได้มีรายได้มากขึ้นกว่าทุกวันนี้”
มารินี บอกด้วยว่า ตอนนี้อยากได้ตู้ขายส้มตำ กับโต๊ะ-เก้าอี้สัก 1 ชุด เพื่อมาขยายร้านที่มีอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาได้จากที่ไหน
ขณะที่ สูใบด๊ะ เบ็นอับดุลเลาะ หรือ เสงี่ยม ผ่องอำไพ อายุ 66 ปี มารดาของ จักรพงษ์ ผ่องอำไพ ผู้พิการทางสมอง และศูนย์ข่าวอิศราเคยเสนอเรื่องราวที่เป็นโศกนาฏกรรมชีวิตเช่นกัน บอกว่า รู้สึกดีใจมากที่ทหารมาเยี่ยม และหลายหน่วยงานได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ
“ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่เปลี่ยนไปมาก ไม่เอาอะไรแล้ว ข้าวของอะไรก็ไม่เอาแล้ว เพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญที่ส่งเงินมาบริจาคหลังจากได้ออกข่าว แม้จำนวนเงินจะไม่มาก แต่ฉันก็ได้นำไปทำทุนซื้อสมุนไพรมาขายช่วงโควิด เป็นสมุนไพรพวกกระชายขาวสกัด เกลือหิมาลัย ก็จะหาที่นั่งขาย และให้เพื่อนบ้านช่วยขายทางเฟซบุ๊ก ก็คิดว่าน่าจะพออยู่ได้”
“ขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ จนทำให้ฉันกับลูกชายรู้สึกดีขึ้น ไม่เอาอะไรแล้ว ตอนทหารมาก็บอกเขาไปแล้วว่า ให้ไปช่วยคนอื่นที่เดือดร้อนกว่า ตอนนี้ฉันมีของขายแล้ว ขายของได้เราก็อยู่ได้แล้ว ลูกชายก็ไม่เครียดแล้ว ถึงแม้เขาไม่มีงานทำ แต่เราก็จะมาช่วยกันขายของ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากหาทำเลดีๆ วางขายตอนที่ยังขายไหว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหม”
นับเป็นอีกหลายๆ ภาพชีวิตที่ชายแดนใต้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจของผู้คนที่นั่น ว่าแม้จะลำบากเพียงใด แต่ก็ยังเอื้อเฟื้อและห่วงใยคนที่ลำบากยิ่งกว่า...