โควิดปัตตานีน่าห่วง ติดเชื้อใหม่ครึ่งร้อย ดันยอดสะสมพุ่งกว่า 150 ราย ผู้ว่ายันยังไม่ล็อกดาวน์ ยะลาผู้ป่วยวัย 78 ปีเสียชีวิต สั่งปิดเพิ่มอีก 2 หมู่บ้านในกาบัง-บันนังสตา ขณะที่นายอำเภอกรงปินังโต้ข่าวปิดหมู่บ้านทำชาวบ้านอดอาหาร ส่วนปลัดจังหวัดแจ้งความหนุ่มยะหาหนีกักตัว เบตงเพิ่มจุดตรวจสกัดโควิด 3 ด่านในอัยเยอร์เวง
วันจันทร์ที่ 3 พ.ค.64 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และ จ.สงขลา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในบางจังหวัดมากกว่าครึ่งร้อย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม
เริ่มจาก จ.ปัตตานี ณ เวลา 15.00 น. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 51 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขยับเพิ่มเป็น 154 ราย รักษาหายแล้ว 6 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 23 ราย โรงพยาบาลสนาม 73 ราย และโรงพยาบาลค่ายฯ 1 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาแอดมิท 50 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกรายอำเภอได้ดังนี้ อ.เมือง 100 ราย, อ.หนองจิก 20 ราย, อ.โคกโพธิ์ 5 ราย, อ.ยะหริ่ง 16 ราย, อ.สายบุรี 5 ราย, อ.ไม้แก่น 1 ราย, อ.แม่ลาน 1 ราย, อ.ยะรัง 1 ราย, อ.ปะนาเระ 2 ราย และ อ.ทุ่งยางแดง 2 ราย
จ.นราธิวาส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ อ.เมือง 1 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อสะสม 517 ราย รักษาหายแล้ว 477 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย
แยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.เมือง 407 ราย, อ.ระแงะ 15 ราย, อ.รือเสาะ 13 ราย, อ.บาเจาะ 8 ราย, อ.จะแนะ 4 ราย, อ.ยี่งอ 5 ราย, อ.ตากใบ 50 ราย, อ.สุไหงโก- ลก 5 ราย, อ.สุไหงปาดี 6 ราย, อ.ศรีสาคร 3 ราย และ อ.แว้ง 1 ราย ส่วน อ.เจาะไอร้อง กับ อ.สุคิริน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12 ราย และมีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ อ.กาบัง 1 ราย ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 83 ราย รักษาหายแล้ว 6 ราย เสียชีวิตสะสม 2 ราย รอผลตรวจยืนยันอีก 1,291 ราย
จำนวนผู้ป่วยแยกตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 25 ราย, อ.กรงปินัง 28 ราย, อ.เบตง 13 ราย, อ.รามัน 15 ราย อ.บันนังสตา 1 ราย และ อ.กาบัง 1 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งสิ้น 75 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลยะลา 32 ราย โรงพยาบาลเบตง 8 ราย โรงพยาบาลกรงปินัง 1 ราย และโรงพยาบาลสนาม 34 ราย
จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27 ราย เป็นการติดเชื้อภายในประเทศทั้งหมด แยกเป็นกลุ่มสถานบันเทิง 2 ราย กลุ่มสัมผัสผู้ป่วย 23 ราย และกลุ่มเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง 2 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 718 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 714 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 4 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 403 ราย รักษาหายแล้ว 314 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจยืนยัน 529 ราย
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.หาดใหญ่ 545 ราย, อ.เมืองสงขลา 70 ราย, อ.บางกล่ำ 20 ราย, อ.นาหม่อม 11 ราย, อ.จะนะ 9 ราย, อ.รัตภูมิ 12 ราย, อ.สะเดา 5 ราย, อ.สิงหนคร 7 ราย, อ.เทพา 5 ราย, อ.ระโนด 8 ราย, อ.สะบ้าย้อย 1 ราย, อ.นาทวี 3 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 3 ราย, อ.สทิงพระ 1 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 1 ราย และเป็นคนต่างจังหวัด 12 ราย
@@ ปัตตานียังไม่ล็อกดาวน์ แต่เพิ่มมาตรการเข้มขึ้น
นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จ.ปัตตานี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการป้องกันการแพร่ระบาดที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีมติจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปัตตานี เพิ่มเติมดังนี้
1. บุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.ปัตตานี ทุกคนจากทุกจังหวัด ต้องรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจเพื่อทำประวัติในการเดินทาง พร้อมทั้งเพิ่มด่านตรวจทุกช่องทางที่เข้าปัตตานีอีก 2 ด่าน ในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง
2. งดออกจากเคหสถาน เวลา 22.00-04.00 น. (เคอร์ฟิว)
3. ร้านอาหาร ร้านน้ำชา งดนั่งรับประทานในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว
4. ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนเกินกว่า 20 คน (เดิม 50 คน) ยกเว้นจัดโดยราชการ
5. ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ปิด 22.00-04.00 น. (หมายถึงเปิดได้ตั้งแต่ตี 4 ถึง 4 ทุ่ม)
6. ปิดสถานบริการ ขยายเวลาออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น (เดิมปิดถึง 1 พ.ค.64)
7. งดละหมาดวันศุกร์ ละหมาดตะรอเวียะห์ และละศีลอดที่มัสยิด ตามคำสั่งของจุฬาราชมนตรี เนื่องจากปัตตานีมีผู้ติดเชื้อเกิน 50 คน โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (3 พ.ค.)
ผู้ว่าฯปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ล็อกดาวน์จังหวัด การเดินทางก็ยังทำได้ตามข้อกำหนด คือต้องคัดกรองเพื่อความปลอดภัย เมื่อมาจากนอกพื้นที่และต้องการเข้าปัตตานี ต้องบอกว่าพักที่ไหน ต้องไปคัดกรองตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และโรงพยาบาลประจำอำเภอ หากมีการประเมินว่าเสี่ยงสูง ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง มิฉะนั้นถือว่าผิดกฎหมาย การกักตัวอยู่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคประเมินว่าต้องไปอยู่ที่สถานกักกันหรือกักตัวที่บ้าน
@@ ป่วยโควิดดับอีก 1 เป็นคุณตาวัย 78 ปีจากกาบัง
ที่ จ.ยะลา มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 1 รายในพื้นที่ อ.กาบัง โดย นายสุชาติ อนันตะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.บาละ อ.กาบัง เป็นผู้สูงอายุ เพราะมีอายุถึง 78 ปี มีโรคประจำตัว ป่วยโดยโรคความดันโลหิตสูง ลักษณะการเสียชีวิตจะคล้ายๆ กับ "น้าค่อม" ซึ่งเสียชีวิตเร็วมาก เกิดจากเชื้อลงปอดอย่างรวดเร็ว
"ทางเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการค้นหากลุ่มเสี่ยง ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องจากผู้ที่จะให้ข้อมูลในการสอบสวนโรคเสียชีวิตไปก่อน ทำให้ต้องสอบสวนคนข้างเคียง ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.บาละ อ.กาบัง และผู้ที่มีความใกล้ชิด เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ กับผู้เสียชีวิต ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ประเมินความเสี่ยงและดำเนินการ swab ตรวจหาเชื้อต่อไป" รองนายแพทย์ สสจ.ยะลา กล่าว
@@ ปิดเพิ่ม 2 หมู่บ้าน "กาบัง-บันนังสตา"
อีกด้านหนึ่ง นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้ออกหนังสือคำสั่งที่ 35 / 2564 เรื่องกำหนดพื้นที่เสี่ยงเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่จังหวัดยะลา ฉบับที่ 3 โดยมีการเพิ่มพื้นที่เสี่ยงในการควบคุมโรคอีก 2 หมู่บ้านคือ หมู่ 1 บ้านบาละ ต.บาละ อ.กาบัง และ หมู่ 3 บ้านกาสัง ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา ห้ามผู้ใดเข้า-ออกพื้นที่ และหากมีความจำเป็นต้องเข้าออก ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่เท่านั้น
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ทางจังหวัดได้ประกาศคำสั่งกำหนดพื้นที่เสี่ยงไปแล้ว 5 หมู่บ้าน ใน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.รามัน คือ หมู่ 1 บ้านบาลอ ต.บาลอ กับ หมู่ 4 บ้านอูแบ ต.ยะต๊ะ, อ.กรงปินัง คือ หมู่ 2 บ้านตะโล๊ะซูแม ต.กรงปินัง หมู่ 4 บ้านกีเยาะ ต.กรงปินัง และ หมู่ 5 บ้านแปแจง ต.สะเอะ
@@ นอภ.กรงปินัง โต้ข่าวปิดหมู่บ้านทำไร้อาหารละศีลอด
ข่าวไม่ค่อยดีที่สืบเนื่องจากโควิดยังมีออกมาเรื่อยๆ ข่าวจริงบาง ข่าวปลอมบ้าง ซ้ำเติมความรู้สึกของพี่น้องประชาชน
อย่างกรณีที่ จ.ยะลา มีการโพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า Bumi Melaya Fathoni อ้างว่ามีการปิดหมู่บ้านบารู หมู่ 3 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง ทำให้ชาวบ้านขาดอาหารที่ใช้รับประทานในการละศีลอดในเดือนรอมฎอน ขณะที่การปิดหมู่บ้านมีใช้ดินลูกรังพร้อมลวดหนามปิดตายนั้น
"ทีมข่าวอิศรา" ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่หมู่บ้านตามอ้าง ไม่พบว่ามีการปิดหมู่บ้านแต่อย่างใด โดย นายมะกิฟลี โต๊ะลู ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 บ้านบารู ต.ห้วยกระทิง ยืนยันว่า หมู่ 3 ไม่มีการปิดหมู่บ้าน ส่วนในพื้นที่ หมู่ 5 บ้านแปแจง ต.สะเอะ พบว่ามีการปิดหมู่บ้านจริง และได้ใช้ดินลูกรังพร้อมลวดหนามปิดกั้นทางเข้า-ออก ซึ่ง นายกอเซ็ง ยูโซ๊ะ กำนัน ต.สะเอะ ระบุว่า เหตุผลที่ต้องปิดหมู่บ้าน เพราะพบผู้ติดเชื้อแล้ว 2 ราย ทางอำเภอจึงมีคำสั่งปิดหมู่บ้าน และงดการประกอบศาสนกิจ เพื่อไม่ให้เชื้อระบาดเป็นวงกว้าง
นายอมร ชุมช่วย นายอำเภอกรงปินัง กล่าวว่า พื้นที่ อ.กรงปินัง มีการปิดไปแล้ว 3 หมู่บ้าน คือ ต.กรงปินัง 2 หมู่บ้าน และที่เพิ่มใหม่ล่าสุดคือ อ.สะเอะ หมู่ 5 ส่วนที่หมู่ 3 ต.ห้วยกระทิง ไม่มีการปิดแต่อย่างใด ชาวบ้านยังสัญจรไปมาได้ตามปกติ
@@ เอาผิดหนุ่มยะหา หนีกักตัวสังเกตอาการ
มีความคืบหน้ากรณีมีชายหนุ่มวัย 25 ปีหลบหนีออกจากศูนย์กักตัวสังเกตอาการ หรือ Local Qaulantine ที่ศูนย์พัฒนาชุมชนเขต 9 ยะลา
นายอภิชาติ สินณรงค์ ปลัดอำเภอเมืองยะลา กล่าวว่า ชายวัย 25 ปีรายนี้ผ่านแดนเข้ามาถูกต้องตามกฏหมาย จากรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย เข้ามาทางด่านเบตง เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา และเข้ารายงานตัว เพื่อกักตัวสังเกตอาการตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของ ศบค.ยะลา แต่บุคคลดังกล่าวได้หลบหนีออกไปในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 1 พ.ค.64 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อไปทางเจ้าตัวและญาติ พร้อมกับผู้นำชุมชน ให้นำตัวกลับเข้าสู่กระบวนการสังเกตอาการ แต่ก็เงียบไป
เหตุนี้ทางจังหวัดจึงต้องแจ้งความเอาผิดในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง ศบค.ยะลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกหมายเรียก 2 ครั้ง หากยังไม่มารายงานตัว ก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป สำหรับผู้ให้ที่พักพิง อาจต้องรับโทษทางกฎหมายด้วย โดยผู้หลบหนีมีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ปะแต อ.ยะหา
@@ เบตงเพิ่มจุดตรวจสกัดโควิด 3 ด่านอัยเยอร์เวง
ที่ อ.เบตง จ.ยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อำเภอเบตง ออกชี้แจงประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการที่กำหนดให้ประชาชนในพื้นที่ อ.เบตง งดออกจากเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. และแจ้งผู้ประกอบการร้านค้าขอความร่วมมือให้ปิดร้านตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึงเวลา 04.00 น.ตั้งแต่วันที่ 1 - 18 พ.ค. ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือคำสั่งจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จ.ยะลา ที่ 37/2564 กำหนดให้มีการตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ในพื้นที่ อ.เบตง เพื่อดูแลการเข้า-ออกพื้นที่อย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยมีจุดตรวจเพิ่มจำนวน 3 จุด ประกอบด้วย ด่าน กม.23 ต.อัยเยอร์เวง, ด่าน กม.27 หน้าชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) อัยเยอร์เวง และ ด่าน กม.36 หน้า สภ.อัยเยอร์เวง