ผบ.ทบ.บุกระนอง ตรวจความพร้อมพื้นที่รองรับผู้อพยพชาวเมียนมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ไม่ปลื้มหลังพบใช้สถานที่ราชการ ผู้คนพลุกพล่าน และอยู่ใจกลางเมือง แนะใช้บริเวณใกล้จุดผ่านแดน ห่างไกลแหล่งชุมชน หวั่นผู้อพยพแพร่เชื้อโควิด-19
วันที่ 17 มี.ค.64 พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมคณะได้เดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อตรวจสถานที่และการเตรียมความพร้อมในการรองรับการอพยพของคนไทยและชาวเมียนมาเนื่องจากสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมาที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ท่ามกลางการประท้วงและใช้ความรุนแรงในหลายพื้นที่ ซึ่งหากเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย อาจส่งผลให้มีการหลบหนีอพยพข้ามชายแดนมายังฝั่งไทย ทางพื้นที่ จ.ระนอง และใกล้เคียงได้
ในส่วนของ จ.ระนอง มีชายแดนแดนติดต่อกับจังหวดเกาะสอง ประเทศเมียนมา ทั้งทางบกและทางน้ำ มีช่องผ่านแดนถาวร และช่องทางธรรมชาติจำนวนหลายจุดที่จะสามารถข้ามไป-มาหากันได้ ทางการไทยได้มีความเป็นห่วงว่าจะเกิดการหลั่งไหลหรือทะลักเข้ามา หากเกิดเหตุรุนแรงในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการเตรียมพื้นที่พักชั่วคราวเอาไว้รองรับผู้อพยพชาวเมียนมาและผู้ลี้ภัยทางการเมือง
โดยหน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดระนองได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับผู้อพยพเอาไว้ ประกอบด้วย พื้นที่ อ.เมืองระนอง
- สนามกีฬาระนองเป็นพื้นที่แรกรับ โดยรองรับได้ 300 คน
- โรงยิมเนเซียมเทศบาลเมืองระนอง เป็นที่พักรอชั่วคราวสำหรับพลเรือนไทย รองรับได้ 80 คน
- วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง เป็นพื้นที่พักรอชั่วคราวสำหรับประชาชนเมียนมา รองรับได้ 300 คน
- กองร้อย อส.จังหวัดระนองที่ 1 เป็นพื้นที่พักรอชั่วคราวของกลุ่มการเมือง รองรับได้ 80 คน
- กองร้อย ตชด.415 เป็นพื้นที่พักรอชั่วคราวสำหรับชนกลุ่มน้อย/ติดอาวุธ รองรับได้ 28 คน
- ค่ายลูกเสือจังหวัดระนอง เป็น State Quarantine รองรับได้ 28 คน
ส่วนพื้นที่ อ.ละอุ่น มีที่พักรอชั่วคราวอยู่ที่โรงเรียนละอุ่นวิทยาคาร และโรงเรียนบ้านเขาฝาชี ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น และพื้นที่ อ.กระบุรี มีที่พักรอชั่วคราวอยู่ที่วัดสุวรรณคีรี และศาลาประชาคม ต.ปากจั่น อ.กระบุรี
จากการตรวจเยี่ยมและตรวจการจัดสถานที่รองรับผู้อพยพของ จ.ระนอง พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้กล่าวกับหน่วยที่รับผิดชอบในการจัดหาสถานที่ว่า เมื่อเห็นพื้นที่แล้วรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากพื้นที่ที่นำมาใช้เป็นสถานที่ราชการ อยู่ใจกลางเมือง มีผู้คนพลุกพล่านในแต่ละวัน เป็นสถานที่เปิด ไม่เหมือนกับจังหวัดแนวชายแดนอีกจังหวัดหนึ่งที่มีการเตรียมพื้นที่รองรับเป็นอย่างดี หากเป็นไปได้ควรหาสถานที่ใหม่ ให้อยู่ใกล้กับจุดผ่านแดน ห่างไกลจากสถานที่ราชการและแหล่งชุมชน เนื่องจากหากเกิดเหตุการณ์อพยพขึ้นมาจริง เราจะไม่รู้เลยว่าผู้อพยพมีจำนวนเท่าไหร่ ผู้ที่เข้ามาจากเหตุการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านจะมีการนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาด้วยหรือไม่ หรือมีสิ่งอื่นๆ ตามมาอีก
"แต่ก็ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ตั้งใจร่วมกันเพื่อเตรียมพร้อมในการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ขอให้ช่วยกันทำงานเพื่อประเทศชาติกันต่อไป แม้ในอนาคตเหตุการณ์ต่างๆ ตามแนวชายแดนอาจจะหนักขึ้นหรือเบาลงก็ตาม ทางหน่วยความมั่นคงจะยังคงมีการติดตามสถานการณ์และทำการเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนตลอดเวลา" ผบ.ทบ. กล่าวตอนหนึ่ง