ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 เปิดเผยกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ได้เตรียมพื้นที่ใน จ.ระนอง เพื่อเตรียมรองรับคนสัญชาติเมียนมาที่คาดว่าจะอพยพหนีภัยการปราบปรามและทะลักเข้าไทย จากสถานการณ์ตึงเครึยดทางการเมืองภายในเมียนมา ทั้งนี้เป็นไปตามแผนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. และกองทัพบกที่ได้ประเมินกันมาก่อนหน้านี้
สำนักงานสภาความมั่นแห่งชาติ (สมช.) ได้ประชุมประเมินสถานการณ์ในเมียนมาอย่างต่อเนื่อง หลังกองทัพเข้าควบคุมอำนาจการปกครองโดยอ้างเหตุเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้ง และอ้างว่าบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเปิดทางให้ดำเนินการได้ แต่สถานการณ์๋กลับตึงเครียดเมื่อประชาชนชาวเมียนมาไม่ยินยอม และออกมาประท้วงต่อต้านกองทัพ จนมีการใช้กำลังและกระสุนจริงในการปราบปราม มีผู้เสียชีวิตไปแล้วนับร้อยศพ
หน่วยงานความมั่นคงบางหน่วย ประเมินว่า มีโอกาสที่สถานการณ์ในเมียนมาจะบานปลาย จนถูกมหาอำนาจทั้งสหรัฐและยุโรปกดดัน คว่ำบาตร ถึงขั้นอาจต้องปิดประเทศ หรือกลายเป็น "รัฐล้มเหลว" (Failed State) เพราะมีสถานการณ์แทรกซ้อนภายในจากการแข็งข้อของกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่างๆ
หากเหตุการณ์มีแนวโน้มไปในทิศทางนี้ จะทำให้มีประชาชนชาวเมียนมาและชนกลุ่มน้อยหนีภัยสู้รบและการปราบปรามเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนมาก ทำให้ไทยต้องเตรียมการ 2 เรื่อง คือ 1. พื้นที่รองรับผู้อยพ และ 2. มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร.5) และผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี ซึ่งรับผิดชอบชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ระนองและชุมพร กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ได้มีการเตรียมความพร้อมในพื้นทึ่ตามนโยบายของกองทัพบก แต่สถานการณ์ตามแนวชายแดนด้านนี้ยังไม่ถึงขนาดที่จะมีการอพยพเข้ามาจำนวนมาก แต่ถ้ามีเหตุการณ์สู้รบ หรือมีการประท้วงกัน และมีการใช้กำลัง ก็น่าจะมีทั้งคนไทยและชาวเมียนมาอพยพเข้ามา จึงต้องเตรียมการดูแลตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งกองทัพบกก็เตรียมการมาตั้งแต่ชายแดนด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ.แม่สอด จ.ตาก เรื่อยลงมาถึง จ.ระนอง และชุมพร
พล.ต.ศานติ ยืนยันว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมการ เตรียมความพร้อม เพราะหากไม่เตรียมการแล้วอยู่ๆ มีคนทะลักเข้ามา ก็จะไม่รู้ว่าใครต้องทำอะไร ที่สำคัญต้องมีมาตรการคัดกรองโควิด-19 ด้วย โดยพื้นที่ "ระนอง-ชุมพร" แบ่งคนออกเป็น 5 กลุ่ม คือ คนไทย, ชาวเมียนมา, ชนกลุ่มน้อย, นักการเมืองเมียนมา และชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ทั้งเมียนมาและไทย ขณะนี้ได้เตรียมแผนรองรับคนทั้ง 5 กลุ่ม พร้อมย้ำว่าจะไม่มีการตั้งเป็นศูนย์อพยพ เพราะเมื่อสถานการณ์สงบลงก็จะผลักดันกลับโดยเร็วที่สุด
ข้อมูลจาก พล.ต.ศานติ สอดคล้องกับข้อมูลที่ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงชื่อดัง น.ส.วาสนา นาน่วม โพสต์เฟสบุ๊กเอาไว้ ระบุว่า กองกำลังเทพสตรี เตรียมพื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง และ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อรองรับชาวเมียนมาลี้ภัยความรุนแรงทางการเมืองจากการต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา โดยนโยบายของรัฐบาล คือ การเตรียมพื้นที่รองรับผู้หนีภัยการสู้รบเข้ามาพักพิงชั่วคราว ดูแลตามหลักมนุษยธรรม เมื่อเหตุการณ์สงบก็จะส่งกลับ ไม่ได้ตั้งศูนย์อพยพ
แต่ผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงก็โพสต์ตั้งข้อสังเกตทิ้งท้ายว่า มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นศูนย์อพยพอยู่เหมือนกัน เพราะอาจอยู่ยาวนาน หากชาวเมียนมาข้ามมาแล้วไม่กลับ หรือสถานการณ์ภายในยังไม่สงบง่ายๆ
จากข่าวที่ออกมา โดยเฉพาะการเตรียมใช้พื้นที่ จ.ระนอง รองรับชาวเมียนมาที่ลี้ภัยความรุนแรงทางการเมืองนั้น ปรากฏว่าข่าวนี้ได้สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนชาวระนองอย่างมาก เกรงว่าหากทางการไทยเปิดพื้นที่รองรับชาวเมียนอย่างเป็นทางการเช่นนี้ จะมีการทะลักลี้ภัยทางการเมืองเข้ามาจำนวนมาก และต่อไปจะกลายเป็น "ศูนย์อพยพถาวร" หากชาวเมียนมาไม่ยอมกลับประเทศ
ชาวระนองยังกังวลว่า ถ้าสถานการณ์ดำเนินไปถึงจุดนั้น อาจไปสอดคล้องกับโครงการที่ทางจังหวัดระนองเคยมีความพยายามผลักดันให้เกิด "เมียนมาทาวน์" ซึ่งเป็นโมเดลที่พยายามจะสร้างชุมชนชาวเมียนมาขึ้นใน 2 พื้นที่ คือ เทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ และเทศบาลปากคลอง จ.ระนอง โดยใช้งบพัฒนาของจังหวัด อ้างเหตุผลเรื่องการจัดระเบียบและการควบคุมดูแลชาวเมียนมาที่อยู่ใน จ.ระนอง ได้ง่ายขึ้น แต่โครงการนี้ไม่ได้รับการขานรับจากชาวระนอง เพราะเกรงว่าชุมชนชาวเมียนมาจะขยายตัวมากเกินไป และกระทบกับคนไทยที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม
มีรายงานว่า พื้นที่ที่ถูกเลือกเป็น "พื้นที่พักรอชั่วคราว" สำหรับชาวเมียนมาที่จะลี้ภัยการเมืองเข้ามา มีอยู่ 4 พื้นที่ ใน 2 จังหวัด คือ ชุมพร กับระนอง โดยพื้นที่ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ได้แก่ อ.เมือง อ.ละอุ่น อ.กระบุรี จ.ระนอง และหมู่ 10 บ้านสินตินิมิต ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
มีรายงานด้วยว่า การเตรียมพื้นที่เป็น "พื้นที่แรกรับ-พักรอชั่วคราว" เพื่อรองรับชาวเมียนมาที่จะทะลักเข้ามาทางชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ระนอง นั้น เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวของเมียนมาให้ความสนใจติดตามข้อมูลข่าวความเคลี่ยนไหวอย่างต่อเนื่อง
มีรายงานด้วยว่า ในวันพุธที่ 17 มี.ค.64 พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะเดินทางลงพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อตรวจความพร้อมในการเตรียมพื้นที่ รองรับผู้อพยพที่อาจลี้ภัยเข้ามา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผบ.ทบ.เคยลงพื้นที่ จ.ตาก มาครั้งหนึ่งแล้ว