ทหารชุดป้องกันชายแดนเบตง ออกลาดตระเวนตามแนวรั้ว เพื่อเฝ้าระวังแรงงานข้ามชาติลักลอบข้ามแดน ขณะที่ปัตตานีสั่งตั้งจุดตรวจจุดสกัดทุกเส้นทางที่รอยต่อของจังหวัด หลังเจอต่างด้าวติดโควิดโผล่ในพื้นที่ ตำรวจนราธิวาสใช้โรงพัก 19 สถานีเป็นที่กักตัวแรงงานหลบหนีเข้าเมือง ด้านผู้ว่านราฯเสริมกำลังอาสาสมัคร 100 นาย ร่วมเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ที่อยู่ในขั้นวิกฤติของประเทศมาเลเซีย จนทำให้แรงงานหลายสัญชาติที่ทำงานอยู่ ต่างพากันเดินทางลักลอบเข้ามายังประเทศไทย เพื่อเดินทางต่อกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตนเอง ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา มีการจับกุมแรงงานต่างด้าวและขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวได้อยู่อย่างต่อเนื่อง
วันที่ 26 ม.ค.64 บริเวณแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ทาง ร.อ.ธเนศ บุรีศรี ผู้บังคับกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 ได้นำชุดจรยุทธ์กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 ออกเดินเท้าลาดตระเวนเส้นทางธรรมชาติตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ฝั่ง อ.เบตง จ.ยะลา ที่มีรั้วชายแดนที่เป็นแนวคอนกรีตและรั้วลวดหนามแบบเดี่ยวและแบบคู่ ตลอดระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร พร้อมจัดกองกำลังประจำการในพื้นที่ 24 ชั่วโมง เพื่อทำการเฝ้าระวังและสกัดป้องกันเเรงงานข้ามชาติไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย
เนื่องจากแรงงานต่างด้าวเป็นกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ หลังทางการมาเลเซียประกาศปิดประเทศและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอก 2 ทวีความรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายถูกทางการมาเลเซียจับกุมกวาดล้างอย่างหนักในช่วงนี้ ทำให้ต้องหลบหนีทะลักข้ามแดนเข้ามาฝั่งไทย ตามช่องทางธรรมชาติต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยพื้นที่ จ.นราธิวาสและ จ.สงขลา จับกุมได้มากสุด
ส่วนพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง สามารถจับกุมตัวแรงงานในประเทศมาเลเซียที่ลักลอบข้ามแดนตามธรรมชาติในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 เพียง 4 ราย เท่านั้น ซึ่ง 2 ราย ได้มาจากการแจ้งข่าวของชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนตามแนวชายแดน หากพบเห็นผู้คนแปลกหน้าหรือแรงงานที่หลบหนีมาจากประเทศมาเลเซียให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที
นายสุริยา บุญพันธ์ ปลัดอาวุโส อำเภอเบตงรักษาราชการแทนนายอำเภอเบตง กล่าวว่า สถานการณ์โควิด19 ในมาเลเซียกำลังระบาดหนักและทำให้ผู้ประกอบการต่างๆ ต้องเลิกจ้างแรงงานต่างด้าว ทำให้แรงงานเหล่านั้นต้องหาวิธีที่จะกลับไปยังประเทศของตัวเอง ทั้งกลุ่มแรงงานต่างด้าว และคนไทยที่กลับจากมาเลเซีย โดยมีกลุ่มนายหน้าพาข้ามมายังประเทศไทย เพราะคิดว่าเป็นรายได้ดี โดยคนพวกนี้กำลังทำความเดือดร้อนเข้ามาในประเทศจึงไม่อยากให้ใครไปสนับสนุน และฝากถึงประชาชนในทุกพื้นที่แนวชายแดนให้ตระหนักภัยของโรคโควิด-19 อย่าเห็นแค่ประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่จะได้รับ หันมาช่วยกันเป็นหูเป็นตาแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที หากพบเห็นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ
@@ปัตตานีสั่งตั้งจุดตรวจจุดสกัดทุกเส้นทางที่รอยต่อของจังหวัด หลังเจอต่างด้าวติดโควิดโผล่ในพื้นที่
วันเดียวกันนี้( 26 มค.64 ) ที่หอประชุม อ.สายบุรี จ.ปัตตานี นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยนายสมนึก พรหมเขียว รองผู้ว่าราชการจังหวัด และกำลัง 3 ฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ของ อ.สายบุรี อ.ไม้แก่น และ อ.กะพ้อ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.นราธิวาส หลังจากที่ได้มีการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองถึง 2 ครั้ง และตรวจพบมีการติดเชื้อโควิด – 19 เข้ามาถึง 2 ราย จ.ปัตตานี จึงได้มีประชุมหารือ เพื่อกำหนดมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่หลบหนีเข้ามาตามช่วงทางธรรมชาติ หลังประเทศเพื่อนบ้านมีการติดเชื้อกันเพิ่มขึ้น วันละหลายพันคน ทำให้มีการประกาศควบคุมการเดินทางระหว่างรัฐและเขตการปกครอง ส่งผลให้มีแรงงานต่างด้าวและคนไทย ลักลอบหลบหนีเข้ามายังฝั่งไทยกันมากขึ้น
นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ที่ประชุมกำหนดจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) โดยเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานตามด่านตรวจหลัก และเสริมจุดตรวจให้ครอบคลุมทุกเส้นทาง ที่คาดว่าจะมีการลำเลียงแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามา พร้อมจัดตั้งชุดเฉพาะกิจของหน่วยสาธารณสุข เพื่อนำแรงงานต่างด้าว เข้าสู่ระบบการคัดกรองและกักตัว 14 วัน หลังจากที่ได้มีการควบคุมตัว ตามด่านตรวจหรือที่พักต่าง ๆ ภายหลังการกักตัว ครบ 14 วัน ทางเจ้าหน้าที่ฯ และผู้เกี่ยวข้อง จะทำการสอบสวน และดำเนินการทางคดีต่อไป สำหรับสถานการณ์โรคโควิด -19 ระลอกใหม่ ของ จ.ปัตตานี ยังไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ มีเฉพาะผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ (State quarantine) จำนวน 3 ราย
@@ตำรวจนราธิวาสใช้โรงพัก 19 สถานีเป็นที่กักตัวแรงงานหลบหนีเข้าเมือง
ที่ จ.นราธิวาส ทาง พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมีลักษณะ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ลักษณะแรกเป็นแรงงานที่ถูกกฎหมายภายในประเทศกับแรงงานที่หลบหนีเข้ามาจากประเทศเมียนมา ประเทศกัมพูชา ซึ่งต้องเดินทางจากฝั่งทิศเหนือหรือภาคเหนือ ภาคกลางลงมาสู่ภาคใต้ เพื่อจะข้ามไปที่ประเทศมาเลเซีย และแรงงานอีกลักษณะคือพวกที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน
ส่วนสถานการณ์พื้นที่ จ.นราธิวาส ไม่เหมือนกับสถานการณ์พื้นที่จังหวัดอื่น เนื่องจากว่า นราธิวาสไม่มีแรงงานจากประเทศมาเลเซียหลบหนีเข้าไทย มีแต่แรงงานสัญชาติเมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนาม หรือจีน เดินทางกลับไปยังประเทศตนเอง ต้องใช้นราธิวาสเป็นเส้นทางผ่าน เนื่องจากมาเลเซียปิดประเทศ ฉะนั้นนราธิวาสตามแนวชายแดนจะเป็นจุดเสี่ยงเป็นธรรมดาที่ต้องรับ เนื่องจากว่า เราไม่สามารถผลักดันออกไปประเทศมาเลเซียได้เลย ผลักดันกลับได้แค่ทางประเทศเมียนมา
พล.ต.ต.นรินทร์ กล่าวอีกว่า ทำให้ จ.นราธิวาส เกิดปัญหาแรงงานไทยทยอยกลับเข้ามาและแรงงานต่างด้าวก็ลักลอบเข้ามา ซึ่งในส่วนของคนไทยที่กลับมามี Local Quarantine (LQ) ไม่มีปัญหา รองรับได้อย่างเต็ม 100 เปอร์เซนต์ แต่ในส่วนของแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาประเทศไทย ในทางปฏิบัติแล้ว state quarantine ไม่มี เนื่องจากบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่กระทำความผิดกฎหมาย ฉะนั้นในเบื้องต้นทางตำรวจจะต้องรับดูแล สถานีตำรวจ 19 แห่งของนราธิวาส กลายเป็นสถานที่ Local Quarantine (LQ) ในเบื้องต้นโดยอัตโนมัติ โดยหากจับในพื้นที่ สภ.ใด ให้ดำเนินการ จัดการ Local Quarantine (LQ) ใช้ห้องควบคุมที่เป็นห้องควบคุมสุดท้ายที่ไม่มีบุคคลผ่านและใช้เส้นทางหลังสถานีเป็นเส้นทางที่รับส่งผู้ต้องหาเหล่านี้
ขณะนี้สถานีตำรวจทั้ง 19 สถานีของนราธิวาส จะเป็นด่านแรกที่รับ Local Quarantine (LQ) แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองในเบื้องต้นและดำเนินคดีตามกฎหมายควบคู่กันไป หากเป็น 3 สัญชาติ คือสัญชาติพม่า ลาว และ เขมร สามารถควบคุมแล้วก็รอการผลักดันได้เลย แต่ถ้าเป็นสัญชาติเวียดนาม หรือประเทศอื่นๆนอกเหนือจาก 3 สัญชาติที่กล่าวมานั้น ต้องดำเนินคดีฐานหลบหนีเข้าเมืองและส่งฟ้องศาลก่อน ถึงจะมารอผลักดันกลับประเทศได้ เพราะฉะนั้นหากมีการจับชุดแรกมาได้ แล้วมีการจับมาอีกชุด จะไม่นำมารวมกัน ต้องนำไปฝากขังโรงพักอื่น เราจะไม่นำมาปะปนกัน
ผู้การตำรวจนราธิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการดำเนินการจัด Local Quarantine (LQ) ได้รับความร่วมมือจากสาธารณสุขจังหวัด ในการเข้ามาดูแล ในการจัดห้องควบคุมอย่างไรเพื่อรองรับแรงงานที่ถูกจับกุม ขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวที่ถูกคุมขังในความรับผิดชอบของ จ.นราธิวาส 150 คน ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ผลักดันกลับประเทศไปแล้ว 100 กว่าคน และมีการดำเนินคดีกับบุคคลนำพา คนให้ที่พักแล้วจำนวน 3 รายและยังมีรายอื่นที่กำลังทยอยออกหมายจับเพิ่ม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเน้นคนนำพาก่อนเลย เพราะว่า รายงานต่างด้าวเหล่านี้ ถ้าไม่มีคนนำพา รับรองไม่กล้ามา
@@ผู้ว่านราฯเสริมกำลังอาสาสมัคร 100 นาย ร่วมเฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ
นายเจษฏา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จ.นราธิวาส พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเมื่อวันที่ 11 ม.ค.เป็นชาวสัญชาติเมียนมา 1 ราย อายุ 26 ปี ซึ่งมากับเพื่อนรวมกันทั้งหมด 9 คน ถูกจับกุมได้ที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แล้วส่งดำเนินคดีและฝากขังไว้ที่ สภ.บูเก๊ะตา อ.แว้ง วันที่ 12 ม.ค.ได้ทำการตรวจหาเชื้อครั้งแรกพบว่า 1 ใน 9 คนมีเชื้อโควิดอีก 8 คนไม่มีพบเชื้อ วันที่ 21 ม.ค. ทำการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ผลการยืนยันติดเชื้อ 1 ราย จึงทำการแยกกักผู้ติดเชื้อออกจากเพื่อน 8 ราย ที่มาด้วยกัน ขณะนี้ส่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแว้ง ส่วนอีก 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ที่ สภ.บูเก๊ะตา อ.แว้ง โดยมีทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าดำเนินการฆ่าเชื้อและได้ทำการสอบสวนโรค
ส่วนผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดเพื่อนแรงงานต่างด้าวทั้ง 8 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำหน้าที่สิบเวร 2 นาย ภารโรง 1 ราย ทำหน้าที่ในการหาซื้ออาหารมาให้แรงงานต่างด้าวชุดดังกล่าว ได้ทำการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง คาดว่า อีก 2-3 วัน คงจะทราบผล ซึ่งขณะนี้ได้มีการให้แนะนำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สัมผัสใกล้ชิด ดำเนินการกักกันตัวเอง เพื่อรอการตรวจหาเชื้อต่อไป
ด้านการเฝ้าระวังพื้นที่ตามแนวชายแดนนั้น ได้เน้นย้ำแนวทางปฏิบัติ มาตรการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้เพิ่มมาตรการการตรวจสอบพื้นที่อีกชั้นหนึ่ง โดยการสกัดกั้น ตั้งจุดสกัด ให้มีความพร้อมในการตรวจสกัดการลักลอบที่จะเข้ามาในประเทศอย่างเข้มงวด และยังได้สนับสนุนกำลังอาสาสมัครจาก 13 อำเภอ จำนวน 100 นาย เพื่อร่วมปฏิบัติงานในพื้นที่ตามแนวชายแดนเพิ่มเติมอีกด้วย