แรงงานเมียนมา 400 กว่าคน ก่อเหตุประท้วงในที่คุมขัง ตม.ระนอง อยากกลับบ้าน หลังโควิดทำปิดชายแดน ถูกขังนานเกือบ 5 เดือน จนท.เร่งประสานทางการพม่าหาทางช่วยเหลือ ขณะที่จังหวัดชายแดนใต้ประสบปัญหาไร้ที่กักแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ส่วนที่นราธิวาส พบแรงงานพม่าหนีเข้าเมืองติดโควิด 1 ราย
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 25 ม.ค.64 ที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระนอง ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง บริเวณอาคารกักตัวแรงงานชาวเมียนมาที่ทำผิดกฎหมาย เพื่อรอการส่งกลับประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นอาคารสูง 5 ชั้น เป็นที่ควบคุมตัวแรงงานชาวเมียนมารวม 402คน แบ่งเป็นผู้ชาย 365 คน ผู้หญิง 37 คน ได้เกิดเหตุแรงงานเมียนมาทำการประท้วงเจ้าหน้าที่ทางการไทย เพื่อให้ส่งต่อความต้องการผ่านไปถึงทางการเมียนมา ว่าต้องการเดินทางกลับประเทศ ไม่อยากถูกคุมขังในพื้นที่คับแคบ เนื่องจากจำนวนคนที่ถูกคุมขังกับพื้นที่ไม่พอกัน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่และกำลังอีกส่วนหนึ่ง ทำการเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉินจำนวนหลายร้อยนาย
จากนั้นนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้เดินทางมาที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองระนอง ประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบข้อมูลปัญหาที่เกิดว่า เกิดจากสาเหตุใด เพื่อร่วมกันหาทางแก้ไข จนทราบว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากแรงงานชาวเมียนมาที่ถูกส่งมาจากหลายพื้นที่ นำมากักตัวที่ จ.ระนอง เพื่อรอการส่งกลับประเทศเมียนมา เกิดความไม่พอใจเพราะไม่ได้ถูกส่งกลับประเทศ หลังถูกดำเนินคดีเสร็จ มีหลายคนที่อยู่นานเป็นวลา 4- 5 เดือน
ที่ผ่านมามีทางเจ้าหน้าที่ทางไทยได้มีความพยายามประสานทางการเมียนมาในการส่งกลับกลุ่มแรงงานผิดกฎหมายดังกล่าวกลับประเทศเมียนมา โดยมีผู้ช่วยทูตเมียนมาประจำประเทศไทยได้เข้ามาพูดคุยกับกลุ่มแรงงาน 2-3 ครั้งพร้อมรับปากว่า จะรีบเร่งดำเนินการทางการเมียนมารับตัวกลับ แต่ยังติดปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 อีกทั้งยังมีการปิดแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศ จึงยังไม่สามารถส่งกลับได้ ขอให้แรงงานรอต่ออีกสักระยะ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานและยังไม่มีการประสานมาจากทางการเมียนมาในการรับตัวกลับ ทำให้กลุ่มแรงงานไม่พอใจ จึงเกิดเป็นภาพการแสดงออกในการที่ต้องการให้ทางการเมียนมาทราบโดยผ่านประเทศไทย ซึ่งกลุ่มแรงงานได้เขียนป้ายอยากกลับบ้านพร้อมตะโกนผ่านห้องกักตัว
เบื้องต้นหลังจากการหารือ อาจจะมีวิธีการ 2 แนวทางแก้ไขคือ 1.ประสารสถานทูตเมียนมาเพื่อเข้ามาเจรจารับทราบปัญหา ซึ่งในข้อนี้ได้ทำการประสานแล้ว ทางสถานทูตได้ส่งผู้ช่วยทูตเดินทางมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อทำการเจรจา ซึ่งทุกฝ่ายกำลังรอการเดินทางมา ส่วนข้อ 2 หากยังหาทางออกไม่ได้ คงต้องมีการเสนอไปยังทางผู้บังคับบัญชาส่วนกลางว่า จะสามารถประสานให้กลุ่มแรงงานเหล่านี้ เข้าสู่ระบบทำงานทำบัตรใหม่ในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องหรือไม่
หลังจากได้ข้อสรุปทางเจ้าหน้าที่ จึงได้เข้าไปพูดคุยกับตัวแทนแรงงานชาวเมียน เพื่อให้ไปทำความเข้าใจกับกลุ่มแรงงงาน ซึ่งกลุ่มแรงงงานก็เข้าใจพร้อมรอผู้ช่วยทูตเมียนมา จากนั้นจึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยไม่มีเหตุวุ่นวายหรือเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
@@ แรงงานต่างชาติลอบเข้าไทย ปัญหาใหญ่ไร้ที่กัก
นอกจากชาวเมียนมาถูกกักที่ จ.ระนอง แล้ว ปัญหานี้ยังลามไปอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากมีแรงงานทั้งมีฝีมือและไร้ฝีมือจากมาเลเซีย ซึ่งมีสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่ไทย เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) ลักลอบเข้าไทยโดยใช้ "ขบวนการนำพา" เป็นจำนวนมาก เนื่องจากในมาเลเซียมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก และมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งประเทศ และประกาศควบคุมการเดินทางในหลายพื้นที่
ในช่วงไม่กี่เดือนที่่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 4 ได้จับกุมบุคคลต่างด้าวเหล่านี้ได้ถึง 624 คน และทำให้เกิดปัญหาใหม่ตามมา ก็คือการไม่มีสถานที่กักตัวแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายเพื่อเฝ้าระวังโควิด-19 เพราะบุคคลที่ถูกจับกุมเหล่านี้เป็นชาวต่างชาติที่มีความผิดฐานลักลอบเข้าเมือง จึงไม่มีระเบียบรองรับให้เข้ากักตัวใน Local Quarantine หรือสถานกักกันระดับท้องถิ่นได้ และทางจังหวัดยังไม่มีงบประมาณเตรียมไว้สำหรับดูแล แม้จะมีสิทธิ์ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้ออย่างเร่งด่วนก็ตาม แต่เรื่องสถานที่กักกันถือเป็นปัญหา ต้องกักตัวไว้ตามโรงพัก หรือห้องกักของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) จนห้องขังบนสถานีตำรวจตามแนวชายแดนบางแห่งเต็มไปด้วยแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุม
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกักตัวครบ 14 วัน และส่งตัวไปดำเนินคดีแล้ว ก็ไม่สามารถผลักดันกลับไปมาเลเซียได้ เพราะด่านพรมแดนปิดหมด ทางการมาเลย์เองก็ไม่รับ เนื่องจากไม่ใช่คนสัญชาติมาเลย์ ครั้นจะส่งต่อไปยังประเทศบ้านเกิดของแรงงานเหล่านี้ ก็ไม่มีงบพาไปส่ง นี่คือปัญหาที่จังหวัดตามแนวชายแดนกำลังเผชิญ
@@พบแรงงานเมียนมาถูกจับที่นราธิวาส ติดเชื้อโควิด 1 ราย
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ทาง จ.นราธิวาส ได้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ราย ที่ 49 (ผู้ป่วยระลอกใหม่รายที่ 6 )เป็นชาวเมียนมา เพศชายอายุ 26 ปี ซึ่งได้เดินทางมากับเพื่อนจำนวน 8 คน มาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ผ่านกรุงเทพฯ และ จ.ยะลา เพื่อจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย แต่ก็มาถูกจับได้ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 64 โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปควบคุมที่ ห้องขัง สภ.บูเก๊ะตา
ทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาทำการตรวจหาเชื้อโควิด ครั้งแรกผลคนไม่พบเชื้อ และเก็บครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 21 ม.ค.64 ผลพบเชื้อ 1 คน ไม่พบเชื้อ 8 คน จึงได้ทำการคัดแยกผู้ติดเชื้อไปโรงพยาบาลแว้ง ส่วนผู้ต้องขังอื่นอีก 8 คน ยังคงกักตัวที่ สภ.บูเก๊ะตา ตามเดิม
มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อรายนี้ ทั้งหมด 12 คน คือเพื่อชาวเมียนมา 8 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บูเก๊ะตา 4 คน ได้มีการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้ออีกครั้ง ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำมี 7 คน
ขอบคุณภาพข่าวจาก คุณไพโรจน์ รัตนรัตน์ ผู้สื่อข่าว ททบ.5 จ.ระนอง