แม่ทัพภาค 4 นำกำลังร่วม 3 ฝ่าย แถลงมาตรการคุมเข้มสกัดแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังที่ผ่านมาจับกุมได้ 86 ครั้ง รวบแรงงานหลายสัญชาติรวม 624 คน พบมีขบวนการนำพา 2 กลุ่ม กลุ่มแรกนำส่งเวียดนาม - ลาว - กัมพูชาออกทาง อ.อรัญประเทศ และภาคอีสาน อีกกลุ่มนำเมียนมาส่งออกทางระนอง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ม.ค.64 ที่ ห้องประชุมยะลารวมใจ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 9 และ นายชัยสิทธิ์ พาณิชย์พงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ร่วมแถลงมาตรการควบคุมและสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และกวดขันจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว หลังจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าทางช่องทางธรรมชาติได้แล้ว กว่า 600 คน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้ประเทศมาเลเซียปิดจุดผ่านแดนมาตั้งแต่เดือน มี.ค.63 มีคนไทยลงทะเบียนผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทยผ่านทางด่านพรมแดนเบตง สุไหงโก-ลก สะเดา ปาดังเบซาร์ และด่านวังประจัน เป็นจำนวน 26,970 คน โดยแนวโน้มการแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการล็อคดาวน์และลดการจ้างงาน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซียที่ล่าสุดได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ประกอบกับในประเทศไทยเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ขึ้น ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งต้นตอเกิดจากกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติ รัฐบาลจึงสั่งการให้เพิ่มมาตรการในการป้องกัน รวมทั้งจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มีการกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1 ต.ค.63 จนถึงปัจจุบัน มีสถิติการจับกุมจำนวน 86 ครั้ง จับกุมบุคคลต่างด้าวได้ 624 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 408 คน กัมพูชา 64 คน ลาว 76 คน มาเลเซีย 21 คน เวียดนาม 45 คน บังคลาเทศ 1 คน สัญชาติจีน 2 คน และอื่นๆ 26 คน โดยสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ชายแดนระหว่างการข้ามแดน บริเวณด่านตรวจจุดสกัดในระหว่างการเคลื่อนย้ายและจากการพิสูจน์ทราบพื้นที่หลบซ่อนพักพิง ทั้งบริเวณแนวชายแดนและจุดพักคอยในพื้นที่ตอนใน พร้อมทั้งได้จับกุมผู้นำพาทั้งในระหว่างการเคลื่อนย้ายและระหว่างให้ที่พักพิง รวมทั้งสิ้นจำนวน 15 คน นำไปสู่การพิสูจน์ทราบขยายผลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าว จำนวน 13 ครั้ง ในพื้นที่ จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช
สำหรับรูปแบบการนำพากลุ่มบุคคลต่างด้าวข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อนำพาเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียไปยังประเทศปลายทาง โดยขบวนการนำพาออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแรกเป็นขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา เวียดนาม ลาว โดยมีการประสานงานระหว่างนายหน้าของฝั่งประเทศไทยและนายหน้าของฝั่งประเทศมาเลเซีย เพื่อรวบรวมบุคคลต่างด้าวในมาเลเซียที่ต้องการข้ามแดนมายังประเทศไทย พร้อมนัดหมายการเดินทางก่อนลักลอบเข้าประเทศโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำโก-ลก โดยมีการนัดเรือยนต์รับจ้างล่วงหน้า เมื่อข้ามมาแล้วจะมีรถยนต์มารับ เพื่อเดินทางต่อด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถตู้สาธารณะไม่ประจำทาง หรือลักลอบพักพิงอยู่ในพื้นที่ โดยจะใช้สถานที่ บ้านเช่า รีสอร์ท หรือ โรงแรม เพื่อรอการส่งต่ออีกทอดหนึ่งไปยังพื้นที่ตอนกลางของประเทศไทย ไปยัง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หรือชายแดนจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อลักลอบข้ามแดนกลับประเทศของตนเองต่อไป
ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จะมีจุดพักหลักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง คือพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา จ.สงขลา ก่อนจะมีกลุ่มนำพารับส่งอีกทอดหนึ่งไปยังพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อเดินทางไปประเทศเมียนมาต่อไป
พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การควบคุมสกัดกั้น บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ได้มีการกวดขันจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าว ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดและควบคุมการปฏิบัติตามแนวชายแดน รวมทั้งเพิ่มมาตรการสกัดกั้นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยได้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธี ดูแลพื้นที่ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อดูแลพื้นที่ อ.ตากใบ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง เพิ่มเติมด้วยการลาดตระเวนอย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้ว เสริมด้วยการสกัดกั้นทางน้ำ และเฝ้าตรวจแนวชายแดน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยได้บูรณาการกำลังและเครื่องมือกับทุกภาคส่วน ในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ยังเสริมกำลังตามแนวชายแดน เฝ้าระวังป้องกันจุดล่อแหลมที่เป็นช่องทางข้ามแดนตามธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ โดยเขตแดนแนวลำน้ำ ใช้กำลังชุดปฏิบัติการทางน้ำ ประสานงานร่วมกับทหารเรือ และตำรวจน้ำในการลาดตระเวนทางเรือ สำหรับในพื้นที่ป่าเขาจัดกำลังกองร้อยเฉพาะกิจ เสริมการปฏิบัติงานของกำลังป้องกันชายแดน เพิ่มเติมด้วยชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ ที่พบการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง รวมถึงเสริมระบบไฟส่องสว่าง และเครื่องกีดขวาง ปิดช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนซ่อมแซมรั้วชายแดนที่ถูกทำลาย
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า ในที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน ได้จัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด รวมทั้งจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้น การลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนการดูแลพื้นที่ตอนใน ใช้การบูรณาการกำลังร่วมกันกับภาคส่วนต่างๆ ทั้ง ทหาร ตำรวจ ปกครอง และ อสม. ค้นหาเชิงรุกในชุมชนและหมู่บ้าน ตลอดจนสร้างความร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และจัดตั้งเครือข่ายภาคประชาชน เฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา ช่วยกันสกัดกั้นป้องกันตามแนวชายแดนเสริมอีกทางหนึ่ง พร้อมชี้แจงสร้างความเข้าใจให้ประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่อง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เพื่อตัดต้นตอของขบวนการนำพาและสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หากพบเห็นโปรดแจ้งได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหรือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้ทันที หรือโทรเข้ามายังหมายเลขสายด่วนแม่ทัพภาคที่ 4 ได้โดยตรง ที่หมายเลข 061-1732999