"คณะกรรมการปราบบ่อน - แรงงานเถื่อน" คลอดออกมาแล้วอย่างเงียบกริบ เงียบจนน่าคิดว่าการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาแบบนี้ จะช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่
จริงๆ แล้วการที่สื่อมวลชนและผู้ติดตามข่าวสารบางส่วนเรียกชื่อกรรมการชุดนี้แบบง่ายๆ ว่า "คณะกรรมการปราบบ่อน" นั้น น่าจะผิดความหมายไปมาก เพราะคณะกรรมการตั้งขึ้นมา 2 ชุด
ชุดแรก คือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีการเข้าเมืองผิดกฎหมายเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ชุดที่ 2 คือ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดกรณีสถานที่เล่นการพนัน เป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ฉะนั้นคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดไม่ได้มีหน้าที่ปราบปราม หรือจับกุมใคร และไม่ได้มีอำนาจใดๆ ในเชิง "บังคับใช้กฎหมาย" แถมโครงสร้างคณะกรรมการก็เป็น "บิ๊กตู่สไตล์" คือมีแต่ส่วนราชการ ไม่มีภาคประชาชน เอ็นจีโอ หรือผู้เชี่ยวชาญนอกระบบราชการเข้าไปมีส่วนร่วมแต่อย่างใด ซึ่งหน่วยราชการเหล่านี้จะว่าไปก็มีหน้าที่ตามกฎหมายในการปราบบ่อนและแรงงานเถื่อนอยู่แล้ว การแต่งตั้งตัวแทนจากหน่วยงานเหล่านี้เป็นกรรมการ จึงคล้ายเป็นตลกร้ายซ้ำเติมความรู้สึกคนไทยที่สุจริต
ผมได้คุยสั้นๆ กับกรรมการบางท่านที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น ท่านให้ความเห็นว่า "คีย์เวิร์ด" จากคำสั่ง คือ "ตรวจสอบ-แนะนำ-เสนอมาตรการ" ฉะนั้นการทำงานจึงอยู่ในกรอบเหล่านี้เท่านั้น โดยจะมีการศึกษาข้อกฎหมาย ปัญหาในทางปฏิบัติ และข้อจำกัดต่างๆ แต่ก่อนจะเริ่มงานจริงในสัปดาห์หน้า จะมีการเข้าหารือกับรองนายกฯวิษณุ เครืองาม เสียก่อน
จะว่าไปเรื่องการปราบบ่อน (รวมถึงแรงงานเถื่อน) ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากแล้วทั้งในสื่อกระแสหลัก และสื่อออนไลน์ ปัญหาหลักๆ ก็คือมีการใช้ "นอมินี" ในธุรกิจบ่อนการพนัน คือเจ้าของบ่อนตัวจริงไม่ได้ออกหน้า แต่ใช้เจ้ามือ หน้าเสื่อ แคชเชียร์ พนักงาน เป็นทีมงานทำบ่อน คนเหล่านี้รับเคลียร์ทุกอย่าง ไม่มีซัดทอด เพราะเจ้าของบ่อนมีเงินจ้างติดคุก ทำให้สาวถึงเจ้าของบ่อนตัวจริงไม่ได้
ครั้นจะใช้กฎหมายฟอกเงิน บ่อนที่ถูกทลายก็ต้องมีเงินในการกระทำความผิด 5 ล้านบาทขึ้นไป จึงจะเข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งบ่อนก็หัวใส ใช้ชิปแลกเงินแทนเงินสด ทำให้เวลาถูกจับ เจอเงินสดน้อย ไม่เข้าข่ายกฎหมายฟอกเงินอีก อย่างนี้เป็นต้น
เมื่อมีกระบวนการ "คัตเอาท์" สาวถึงต้นตอยาก แถมยังมี "เงินส่วย" ตัวเลขงามๆ เสิร์ฟถึงมือเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายทุกระดับ ทำให้การแก้ปัญหานี้แทบจะ "ปิดประตูตาย"
สาเหตุของปัญหาเหล่านี้เป็นที่รู้กัน ที่แก้ไม่ได้เพราะมีคนรับสตางค์ เก็บผลประโยชน์ การแก้จึงต้องอาศัย "ความกล้า" ไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการขึ้นมาศึกษาอะไรกันอีก
เมื่อคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ย้ายใครก็ไม่ได้ นอกจากกระซิบบอกนายกฯ (คดีบอสรอดทุกข้อหา อาจารย์วิชา มหาคุณ ทั้งกระซิบทั้งตะโกน ป่านนี้ยังไม่ลงโทษใคร) ฉะนั้นโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้แบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินจึงไม่มี หลายฝ่ายจึงไม่ตั้งความหวังกับคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดนี้...ตั้งแต่เริ่มตั้งเลยทีเดียว!