ช่วงโควิดระบาดมักมีข่าวบุคคลกลุ่มเสี่ยงมาให้ได้ผวากันเป็นระยะ ไม่แตกต่างกันทั้งการระบาดรอบที่แล้วและระลอกใหม่นี้
ล่าสุดมีข่าวร่ำลือกันในพื้นที่ จ.ยะลา ว่า มีคณะครูเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองยะลา ทราบชื่อภายหลังว่าเป็นโรงเรียนมานะศึกษา เดินทางไปทัศนศึกษาที่ จ.เชียงใหม่ ช่วงส่งท้ายปีเก่า ปี 2563 และเดินทางกลับมาสอนหนังสือ เริ่มสอนเมื่อวันจันทร์ที่ 4 ม.ค. โดยทั้งหมดไม่มีใครกักตัวเพื่อสังเกตอาการเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
แม้ จ.เชียงใหม่ จะไม่ใช่พื้นที่ควบคุมสูงสุด และอยู่นอกกลุ่ม 28 จังหวัดสีแดง แต่มีข่าวว่าคณะครูที่ไปทัศนศึกษาครั้งนี้ ร่วมเดินทางทริปเดียวกับผู้ป่วยเพศชายวัย 64 ปีจาก จ.นครปฐม โดยชายคนนี้ถูกตรวจพบว่าเป็นผู้ป่วยโควิดรายที่ 66 ในการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่ใน จ.เชียงใหม่นั้น ได้เดินทางไปสถานที่เดียวกับคณะครูจาก จ.ยะลา แม้จะคนละเวลากันก็ตาม
หลังข่าวลือหนาหูและเริ่มเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย มีรายงานว่าคณะครูได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ม.ค. ที่โรงพยาบาลสิโรรส จ.ยะลา แต่ผู้ปกครองของนักเรียนที่ต้องเรียนกับครูเหล่านี้ไม่สบายใจ เพราะรู้สึกเป็นห่วงบุตรหลาน จึงร้องเรียนมายังศูนย์ข่าวอิศรา เพื่อเรียกร้องผ่านไปยังคณะครูและโรงเรียนมานะศึกษา ให้คณะครูเปิดไทม์ไลน์ที่แท้จริงในการเดินทางท่องเที่ยวว่าเกี่ยวข้องกับชายชาวนครปฐมที่ติดโควิดหรือไม่ และทางที่ดีคณะครูทั้งหมดควรกักตัวเองเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและเพื่อนครู
ขณะเดียวกัน ประชาชนชาว จ.ยะลา ที่ทราบข่าว ก็ได้พร้อมใจแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ให้ทราบเรื่อง ซึ่งทาง สสจ.ก็พร้อมตรวจสอบรายละเอียดโดยด่วน
ขณะที่ผู้ปกครองนักเรียนบางส่วนได้สอบถามไปยังผู้บริหารโรงเรียนว่า จะทำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ต่อมา "ทีมข่าวอิศรา" ได้เดินทางไปยังโรงเรียนมานะศึกษา และได้พูดคุยกับ ซิสเตอร์จินตนา รัตนศักดิ์ชัยชาญ ผู้บริหารโรงเรียน โดย ซิสเตอร์จินตนา ยอมรับว่า คณะครูและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเดินทางไปทัศนศึกษาที่ จ.เชียงใหม่จริง แต่ตลอดการเดินทางได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทุกอย่าง และไทม์ไลน์การทัศนศึกษาก็ไม่ได้ร่วมทริปเดียวกับชายวัย 64 ปีชาว จ.นครปฐม ที่ติดโควิด แต่ยอมรับว่ามีการท่องเที่ยวในเวลากลางคืน เมื่อกลับถึงยะลาก็รู้สึกไม่สบายใจ และต้องรับผิดชอบต่อสังคม จึงได้ให้คณะครูและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลยะลา ปรากฏว่าทุกคนผลออกมาเป็นลบ ซึ่งหมายถึงปลอดโควิด
"ที่เรากลับมาแล้วไม่กักตัวนั้น เพราะทางคณะครูได้ปฏิบัติตามกฎป้องกันทุกอย่าง และขอยืนยันว่าคณะครูของเราไม่ได้เที่ยวพร้อมกับชายที่ติดโควิด ขอให้ผู้ปกครองและประชาชนในพื้นที่อย่าตื่นตระหนกและขอให้วางใจได้ เพราะผลตรวจเชื้อทุกคนเป็นลบ" ผู้บริหารโรงเรียนมานะศึกษา กล่าว
ขณะที่ครูคนหนึ่งของโรงเรียน ซึ่งร่วมคณะเดินทางไปทัศนศึกษาด้วย กล่าวว่า ช่วงก่อนปีใหม่ จ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่เสี่ยงต่ำ และคณะครูได้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขทุกอย่าง ทั้งยังเข้ารับการตรวจเชื้อแล้วว่าไม่มีโควิด จึงไม่จำเป็นต้องกักตัว
@@ ปัตตานีเตรียมตั้ง รพ.สนาม - เมินสวมหน้ากากฯปรับ 2 หมื่น
ที่ จ.ปัตตานี ม่ีความเคลื่อนไหวเพิ่มมาตรการเข้มในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
โดย นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้ออกคำสั่งพิเศษจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามรองรับสถานการณ์โควิด จำนวน 3 แห่ง พร้อมมีคำสั่งปรับเป็นเงิน 20,000 บาท สำหรับผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ขณะออกนอกเคหะสถาน
ทั้งนี้ การเตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม มี 3 แห่งด้วยกัน คือ 1. อาคารสำนักงานบริหารเขตพื้นที่อุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี ต.บานา อ.เมืองปัตตานี 2. โรงพยาบาลโคกโพธิ์ ต.มะกรูด อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และ 3. โรงพยาบาลยะรัง ต.ปิตูมุดี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19
@@ ผบ.ทสส.ตรวจเยี่ยมมาตรการสู้โควิดนราฯ
ที่ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังการชี้แจงการปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และตรวจการเพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยมี พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ
สำหรับ จ.นราธิวาส มีผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกใหม่นี้ 2 ราย โดยหนึ่งรายเกิดจากการไปร่วมกิจกรรมบิ๊กไบค์ที่เกาะลันตา จ.กระบี่ และได้รับการกักตัวแล้ว 14 วัน ส่วนรายที่ 2 เป็นผู้ติดเชื้อซึ่งเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย อยู่ในการควบคุมตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
หลังการตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุป พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า มีความมั่นใจว่าการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยจะสามารถสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาได้