กลุ่มเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่นกว่า 300 คน บุกศาลากลางจังหวัดสงขลา ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะต่อไป ไม่ต้องชะลอ อ้างเหตุบัณฑิตจบใหม่อยากมีงานทำในพื้นที่บ้านเกิด
หลังจากมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น กระทั่งมีมติคณะรัฐมนตรีใหม่ออกมาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 ทำให้กระบวนการเดินหน้าโครงการต้องชะลอลงไป โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการร่่วมทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านขึ้นมาพิจารณา และอาจจะทบทวนกระบวนการแก้ไขผังเมือง 3 ตำบล คือ ต.สะกอม ต.นาทับ และ ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ เพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรมนั้น
ปรากฏว่าทางกลุ่มตัวแทนเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น ซึ่งสนับสนุนโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ ก็ได้รวมตัวกันแสดงจุดยืนทันที โดยกลุ่มหนึ่งได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ตามที่ "ทีมข่าวอิศรา" ได้รายงานไปแล้ว
ขณะเดียวกันที่ศาลากลาง จ.สงขลา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางกลุ่มเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น ได้ออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนทางความคิดเห็นโครงการอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ภายใต้หัวข้อ "จะนะจะไม่จน" โดยมีผู้แทนจากกลุ่มต่างๆ อาทิ ผู้แทนสตรี ผู้แทนเยาวชน ผู้แทนจากกลุ่มประมง ผู้นำศาสนา และประชาชน ซึ่งเป็นพี่น้องที่อาศัยอยู่ใน ต.สะกอม ต.ตลิ่งชัน และ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา จำนวนกว่า 300 คน เข้าร่วมเสวนา พร้อมทั้งได้ส่งแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าการขับเคลื่อนเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยยื่นผ่านทาง นายวรณัฏฐ์ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นผู้แทนรับมอบ
นางสาวอุไรมา อนันทบริพงค์ ผู้แทนเยาวชนนักศึกษา ซึ่งเป็นลูกหลานคนในพื้นที่ อ.จะนะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ จ.ชลบุรี และตอนนี้ย้ายกลับมาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่วนตัวแล้วอยากกลับไปทำงานใกล้บ้าน แต่ด้วยที่บ้านเรายังไม่มีโรงงานเยอะ มีเพียงไม่กี่โรง แต่ถ้าพูดถึงรายได้ มันไม่คุ้ม ก็เลยไปทำงานที่ อ.หาดใหญ่ พอรู้ว่าจะเกิดโครงการอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตที่ อ.จะนะ และเกิดขึ้นใกล้บ้าน เราก็รู้สึกดีใจ
ตนเองมองว่า โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะจะทำให้เยาวชนรุ่นใหม่หรือบัณฑิตจบใหม่ไม่ตกงาน ได้มีงานทำที่อยู่ใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้าน ได้กินข้าวกับครอบครัว ถ้าโครงการนี้เกิดขึ้น ทำให้มีงานตามมา โดยเฉพาะเยาวชนที่ได้เรียนหนังสือ ซึ่งมีค่อนข้างเยอะ ถึงจะไม่ได้ทำงานในระดับสูง แต่ก็มีงานทำและได้อยู่ใกล้ครอบครัว ได้ดูแลพ่อแม่
นางสาวอุไรมา กล่าวอีกว่า ตนเองเรียนมาด้านอุตสาหกรรม เมื่อได้สัมผัสกับอุตสาหกรรมมาแล้วมันไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนคิด ทำให้มีอาชีพเพิ่มมากขึ้น พี่น้องที่กังวลว่าอาจจะไม่ได้ทำอาชีพเดิม อาจจะไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว แต่โลกของเราต้องมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปข้างหน้า ถ้าเกิดการพัฒนาเพื่อให้ดีขึ้น คิดว่าเป็นเรื่องดีที่ยอมเสี่ยงให้เกิดขึ้นมา คิดว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย แม้อาจจะมีผลเสีย แต่เราต้องช่วยกันและหาทางแก้ไข อยากให้ช่วยกันคิดตรงนั้นมากกว่า