กลุ่มป่วนใต้ไม่สนโควิด เดินหน้าก่อความไม่สงบ โจมตีไม่เว้นเจ้าหน้าที่ชุดช่วยสกัดโรคระบาด หลังปฏิบัติภารกิจช่วยทำความสะอาดมัสยิดใน อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
เหตุระเบิดเกิดขึ้นช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 20 มี.ค.63 พ.ต.อ.กมล ณ นรงค์ ผู้กำกับการ สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเมื่อเวลา 15.10 น.ว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดแสวงเครื่องโจมตีชุดเฉพาะกิจกองร้อยทหารพรานที่ 4511 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (ร้อย ทพ.4511 ฉก.ทพ.45) บริเวณใกล้กับเสาส่งสัญญาณมือถือ ท้องที่บ้านลาไม หมู่ 5 ต.บองอ อ.ระแงะ แรงระเบิดทำให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บธ 9553 พัทลุง จอดเสียหลักอยู่ 1 คัน สภาพรถมีร่องรอยถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นทหารพราน 2 นาย เพื่อนทหารช่วยกันลำเลียงส่งโรงพยาบาลระแงะเรียบร้อยแล้ว ทราบชื่อคือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) เพ็ญเพชร แย้มมะลิ และ อส.ทพ.วิทยา เต็งรัง
เจ้าหน้าที่ทหารพรานนายหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ กองร้อยทหารพรานที่ 4511 ได้จัดกำลังพลจำนวน 6 นาย เดินทางออกจากฐานปฏิบัติการที่บ้านสาเมาะ หมู่ 1 ต.บองอ อ.ระแงะ เพื่อไปทำกิจกรรม Big Cleaning Day หรือทำความสะอาดร่วมกับชาวบ้าน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มัสยิดบ้านลาไม ต.บองอ โดยใช้รถกระบะ 1 คันเป็นพาหนะ และมีรถจักรยายนต์ขี่นำอีก 1 คัน เมื่อทำกิจกรรมเรียบร้อย ก็ได้เดินทางออกจากมัสยิด มุ่งหน้ากลับฐาน
ทว่าระหว่างทางเมื่อรถแล่นถึงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ปรากฏว่าถูกคนร้ายกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ลอบวางไว้ริมถนน แรงระเบิดทำให้รถกระบะของทางราชการได้รับความเสียหาย และกำลังพลบนรถกระบะได้รับบาดเจ็บ 2 นายดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
กอ.รมน.เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมประณามคนร้าย
หลังเกิดเหตุ "บิ๊กเดฟ" พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสเร่งเข้าควบคุมสถานการณ์ และบริหารจัดการที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งให้ทำการลาดตระเวนทางอากาศด้วยอากาศยาน พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ เพื่อกดดันและจำกัดเสรีของกลุ่มคนร้ายบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และแหล่งซัพพอร์ทไซต์ (จุดนัดพบ หรือแหล่งกบดานของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ใช้ในการหลบหนี) ต่างๆ ด้วย
พ.อ.วัชรกร อ้นเงิน รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ในขณะที่ทุกฝ่ายกำลังหามาตรการเพื่อป้องกันชีวิตเพื่อนมนุษย์จากเชื้อโควิด-19 ด้วยการร่วมกันล้างฆ่าเชื้อโรคในมัสยิด ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของพี่น้องมุสลิมให้ปลอดภัย แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกลับยังจ้องทำลาย ซึ่งนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์แล้ว ยังมุ่งทำลายมุสลิมด้วยกันเองอีกด้วย จึงสมควรประณามพฤติกรรมในครั้งนี้อย่างกว้างขวาง
พบวัตถุต้องสงสัย-พ่นสีป่วนตามถนน
ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.นราวี บินแวอารง ผู้กำกับการ สภ.เมืองยะลา รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ข้างเสาไฟฟ้าในพื้นที่บ้านพงกาเซาะ หมู่ 7 ต.บุดี อ.เมืองยะลา และยังมีร่องรอยการพ่นสีสเปรย์สีแดงบนถนนด้วย จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าจริง และมีข้อความโจมตีทหารถูกพ่นด้วยสีสเปรย์อยู่บนถนนด้วย เจ้าหน้าที่ประสานชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดให้เข้าตรวจสอบ และได้ใช้ปืนยิงทำลาย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ