หลายพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เผชิญกับสถานการณ์อุทกภัยส่งท้ายปี โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาส และยะลา
ที่นราธิวาสมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 15-17 ธ.ค.62 บริเวณต้นน้ำสายบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมมาก และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนริมฝั่งแม่น้ำ พร้อมทะลักเข้าสู่ชุมชน โดยเฉพาะในอำเภอสุคิริน อำเภอศรีสาคร และอำเภอรือเสาะ สถานการณ์วิกฤติช่วงวันที่ 18-19 ธ.ค. ถือเป็นสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่หนที่ 2 ในช่วงปลายปี
จากนั้นน้ำได้ไหลบ่าต่อเนื่องเข้าท่วมอำเภอจะแนะ อำเภอแว้ง และอำเภอสุไหงโกลก โดยผสมกับน้ำที่ไหลมาจากฝั่งมาเลเซีย ทำให้ทางจังหวัดต้องประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินรวม 6 อำเภอ ถนนหลายสายที่เป็นเส้นทางสัญจรสำคัญถูกตัดขาด บางจุดน้ำท่วมสูงถึงหน้าอก เจ้าหน้าที่ทหาร ทหารพราน ตำรวจ และฝ่ายปกครอง นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ได้ระดมกำลังกันออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
ด้วยสถานการณ์น้ำที่หลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนแบบฉับพลัน หลายพื้นที่น้ำเข้าตอนตี 3 ทำให้มีผู้ประสบภัยจำนวนมาก มีผู้เดือดร้อนมากกว่า 10,000 ครัวเรือน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้สั่งให้ พล.ต.สมดุลย์ เอี่ยมเอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จัดรถครัวสนามเคลื่อนที่ ออกทำอาหารแจกจ่ายพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะพื้นที่่ที่น้ำท่วมสูง ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และไม่สามารถประกอบอาหารได้
สำหรับรถครัวสนาม สามารถประกอบอาหารได้ชั่วโมงละ 300 กล่อง เป็นอาหารฮาลาลที่ถูกต้องตามหลักศาสนา มีการประกอบอาหารตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน
ส่วนที่จังหวัดยะลา มีสถานการณ์น้ำท่วม ดินสไลด์ ในพื้นที่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอรามัน อำเภอบันนังสตา อำเภอยะหา และ อำเภอกรงปินัง แต่สามารถระบายน้ำลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ภาพรวมไม่ร้ายแรงเท่าจังหวัดนราธิวาส จำนวนผู้เดือดร้อนรวมๆ ราว 5,000 ครัวเรือน
------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : เจ้าหน้าที่กู้ภัยเอื้อเฟื้อภาพผู้ประสบภัย และผลกระทบจากฝนตกน้ำท่วม