พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยที่ข้ามไปค้าขายฝั่งมาเลเซีย บริเวณพรมแดนด่านปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ถูกทางการมาเลย์จับกุมถึง 33 คน ในข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือ "เวิร์ค เพอร์มิต"
พ่อค้าแม่ค้าปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามายัง "ทีมข่าวอิศรา" ว่าพวกตนถูกเจ้าหน้าที่มาเลเซียควบคุมตัว ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมแล้ว 33 คน เบื้องต้นได้รับการปล่อยตัวแล้ว 7 คน คงเหลือ 26 คน โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือ "เวิร์ค เพอร์มิต" ในมาเลเซีย ซึ่งนอกจากพ่อค้าแม่ค้าจะถูกจับแล้ว ร้านค้ากว่า 100 ร้านที่เป็นของคนไทย จากฝั่งไทย ซึ่งไม่มีทะเบียนถูกต้อง ก็ถูกสั่งปิดด้วย
นายอาดือนัน มีนา สามีของแม่ค้ารายหนึ่งที่ถูกจับ เล่าว่า คนไทยเข้าไปทำงานที่ "พลาซ่า ปาดังแวร์มาร์ท" (Padang Waremart) ซึ่งเป็นจุดขายสินค้าบริเวณด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ มีร้านค้ากว่า 100 ร้าน และยังมีลูกจ้างที่เป็นคนไทยอีกหลายร้อยคน ปรากฏว่าต้องหยุดทำงานทั้งหมดเพราะไม่มีเวิร์ค เพอร์มิต
"ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่มาเลย์มาตรวจบริเวณพลาซ่า แล้วจับแม่ค้าที่ไปขายของ พร้อมแจ้งข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงาน เมียผมก็ถูกจับด้วย ลูกอายุ 9 เดือนร้องไห้หาแม่ทุกวัน และยังมีลูกอีกหลายคนต้องดูแล ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยพวกเราทั้งหมดออกมาด้วย และช่วยคุยกับมาเลเซียให้พวกเราทำเวิร์ค เพอร์มิตได้ ที่ผ่านมาพวกเราทำไม่ได้ และไม่มีทะเบียนจัดตั้งร้าน" อาดือนัน กล่าว
เขาเล่าอีกว่า ร้านที่คนไทยเข้าไปขายของ เป็นของคนมาเลย์ เพิ่งรู้ว่าไม่ได้จดทะเบียน เมื่อคนไทยเข้าไปขาย จะไปทำเวิร์ค เพอร์มิต ก็ไม่ได้ ทางการมาเลย์ไม่อนุญาต ขณะที่ร้านก็ไม่ใช่ชื่อเรา จึงอยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหานี้ด้วย
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม ด่านปาดังเบซาร์ก็เพิ่งปรากฏข่าวฉาว เมื่อคณะกรรมาธิการต่อต้านการคอร์รัปชั่นมาเลเซีย (Malaysia Aniti-Corruption Commission; MACC) ตั้งโต๊ะแถลงตำหนิเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพรมแดนที่ปล่อยให้มีการลักลอบค้าของเถื่อนข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียกับไทย โดยมีการเปิดคลิปภาพให้เห็นกันจะๆ ด้วย แต่ไม่มีข้อมูลเชื่อมโยงว่าการจับกุมพ่อค้าแม่ค้าคนไทยเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนส่งสินค้าข้ามแดนโดยหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทยซึ่งเป็นทีมงานของแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ข้อมูลว่า คนที่ถูกจับเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง คือเป็นแม่ค้า และไม่ได้เกี่ยวกับการลักลอบขนสินค้าข้ามแดน แต่เป็นการข้ามไปทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต ทำให้ถูกจับ ขณะนี้บางรัฐของมาเลเซียมีปัญหาเศรษฐกิจ คนตกงานเยอะ จึงต้องจับกุมแรงงานต่างชาติที่ข้ามเข้าไปทำงานอย่างไม่ถูกต้อง
ทีมงานของแม่ทัพภาคที่ 4 บอกอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นคล้ายๆ กับการจับกุม 21 หญิงไทยที่ข้ามเข้าไปขายข้าวเกรียบในมาเลเซียเมื่อปีก่อน ซึ่งทางการไทยก็สามารถเข้าไปช่วยเหลือกลับมาได้ โดยประสานทางการมาเลเซียไม่ให้ฟ้องคดี แต่ทางการไทยยินดีรับกลับ (อ่านประกอบ : ร้องช่วย 21 หญิงชราชายแดนใต้ หวั่นถูกหลอกไปขอทานมาเลย์, ฟ้าหลังฝนของ "ฮามีด๊ะ" หญิงไทยเหยื่อค้ามนุษย์มาเลย์)
"กรณีนี้ก็เช่นกัน คาดว่าจะมีการกัก ควบคุมตัว แล้วลงโทษปรับ เพื่อปล่อยตัว กรณีล่าสุดจะเร็วกว่า 21 หญิงไทย เพราะกรณีนั้นคนที่ถูกจับเป็นหญิงสูงอายุ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ"
สำหรับข้อเสนอจากพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยที่ให้รัฐบาลช่วยประสานทางการมาเลเซียออกเวิร์ค เพอร์มิต ให้นั้น ทีมงานแม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับว่า น่าจะเป็นเรื่องยาก เพราะปัญหาเรื่องการจ้างงานคนต่างด้าวมีความอ่อนไหวทุกประเทศ ฉะนั้นแม้คนยื่นขอใบอนุญาตทำงานจะมีคุณสมบัติครบ แต่ก็ใช่ว่าจะได้ใบอนุญาตเสมอไป เพราะทุกประเทศมีนโยบายจำกัดการเข้าไปทำงานของแรงงานต่างชาติ และมีอาชีพสงวนสำหรับคนของประเทศตน เหมือนกับที่มีประกาศในประเทศไทย เช่น อาชีพตัดผม ที่เป็นอาชีพสงวนของคนไทยเท่านั้น
ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว น่าจะต้องพัฒนาย่านการค้าในฝั่งไทยมากขึ้น แล้วให้คนมาเลย์ข้ามมาจับจ่ายซื้อของแทน
มีรายงานด้วยว่า แม่ทัพภาคที่ 4 "บิ๊กเดฟ" พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ เดินทางไปร่วมประชุมอาร์บีซี หรือคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-มาเลเซีย ที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม คาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่อง 26 แม่ค้าชาวไทยที่ถูกจับ และจะมีการประสานขอให้ส่งตัวกลับบ้านด้วย