ยังคงมีความคืบหน้าเป็นระยะ สำหรับคดีลอบวางระเบิดบริเวณสถานที่ราชการสำคัญและย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เมื่อวันที่ 1-2 ส.ค.62 ที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 6-8 ราย จากที่ออกไปแล้ว 9 หมาย ผู้ต้องหา 6 คน
มีรายงานว่าคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดนนทบุรี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งขึ้น ได้ประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลกับชุดทำงานต่างๆ หลายชุดที่เร่งหาพยานหลักฐานคลี่คลายคดีมาตลอด และได้ข้อสรุปว่าทางตำรวจจะขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับที่ปฏิบัติการลอบวางระเบิดอีก 6-8 ราย
มีรายงานด้วยว่า หากออกหมายจับทีมปฏิบัติการลอบวางระเบิดล็อตใหม่นี้ จะมีจำนวนผู้ต้องหาใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ คือราวๆ 15 คน แต่คณะทำงานสืบสวนสอบสวนฯก็ยอมรับว่า ผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยบางส่วนได้หลบหนีออกนอกประเทศไปตั้งแต่ 1-2 วันแรกหลังเกิดเหตุแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดจนถึงปัจจุบัน สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย และออกหมายจับเพิ่มแล้ว 4 ราย คาดว่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มอีกในเร็วๆ นี้ หากมีหลักฐานพิสูจน์ความเชื่อมโยงถึงตัวคนร้าย ยอมรับว่าทีมปฏิบัติการระเบิดเตรียมตัวกันมาดี แบ่งหน้าที่กันก่อเหตุ แต่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าจะไม่ขอศาลออกหมายจับตามภาพถ่ายเด็ดขาด โดยจะออกหมายจับเมื่อมีรายละเอียดตัวบุคคล ภูมิลำเนา หรือหน้าที่ที่คนร้ายได้กระทำในวันก่อเหตุเท่านั้น เพื่อป้องกันการโต้แย้งทางกฎหมายในอนาคต ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ได้รับนโยบายนี้มาจากรัฐบาล ให้ดำเนินคดีตามกรอบของกฎหมาย ทำงานแข่งกับเวลา และต้องเคารพสิทธิ์ผู้ต้องหาด้วย
ส่วนเรื่องการโอนคดีไปให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการนั้น รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า เป็นการมอบหมายให้พนักงานสอบสวนในแต่ละท้องที่เกิดเหตุ ทั้งกรุงเทพฯ และนนทบุรี รวบรวมสำนวนทางคดีไปให้กองปราบปรามดำเนินการทางธุรการ คือรวมเลขคดีเพื่อสั่งฟ้องศาล เพราะหากต่างคนต่างทำหลายท้องที่ ก็จะมีหลายสำนวน ทำให้ยุ่งยากวุ่นวาย
สำหรับข้อสงสัยที่ว่า ต้องประสานอัยการสูงสุดเพื่อขอความร่วมมือทางอาญากับต่างประเทศหรือไม่ เพราะมีข้อมูลว่าผู้สั่งการอาจอยู่ในต่างประเทศนั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ดำเนินการถึงขั้นนั้น แต่เรื่องคนร้ายหลบหนีออกนอกประเทศ มีความเป็นไปได้ จึงได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจตราตามแนวชายแดน และคอยสกัดกั้นบุคคลต้องสงสัยอย่างเข้มงวด
------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ