"กระแสที่ว่าเจ้าหน้าที่ยิง ผมไม่เชื่อ และได้คุยกับภรรยาว่าไม่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร"
เป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของ นายยูโซะ ยะลา อุสตาซ หรือ ครูสอนศาสนาโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม หรือปอเนาะพ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.62 หลังมีกระแสข่าวลือมาตั้งแต่ก่อนถูกยิงว่าจะมีงานทำร้ายหรือสังหารอุสตาซ
หากเรื่องนี้ไม่บังเอิญ ก็ถือได้ว่าเป็นอีกครั้งในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ "ข่าวลือ" ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นายยูโซะ ยะลา วัย 56 ปี ยอมเปิดปากเรื่องนี้ในช่วงที่ พ.ท.ถนอมพงษ์ เรืองจันทร์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 เดินทางไปเยี่ยมอาการบาดเจ็บ ตามคำสั่งของ พ.อ.สมคิด คงแข็ง ผบ.ฉก.
นอกจากสอบถามเรื่องอาการแล้ว ฝ่ายทหารยังได้ชี้แจงทำความเข้าใจกรณีเจ้าหน้าที่เชิญตัวน้องเขยของนายยูโซะ และอุสตาสอีก 1 คนของปอเนาะพ่อมิ่งไปเข้ากระบวนการซักถามเมื่อวันอังคารที่ 2 ก.ค. โดยยืนยันว่าเป็นเพียงการเชิญมาสอบถามและทำความเข้า ยังไม่มีการตั้งข้อหาและไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย
สำหรับอาการบาดเจ็บของนายยูโซะ ยังมีกระสุนปืนที่ไหล่ซ้ายที่ไม่ได้ผ่าตัดเอาออก ต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อนแพทย์ถึงจะตัดสินใจอีกครั้ง
นายยูโซะ เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ถูกยิงว่า กำลังจะขี่รถออกจากบ้านเพื่อไปละหมาดที่มัสยิด แต่ระหว่างจะขี่ออกไป คนร้ายก็ยิงใส่ก่อน 1 นัดจนบาดเจ็บ แต่ก็ยังแข็งใจลุกขึ้นวิ่งหนี ช่วงนั้นมืดและไม่เห็นว่าคนร้ายยิงมาจากทางไหน
"สาเหตุผมไม่ทราบจริงๆ เพราะไม่เคยมีปัญหากับใคร ยังงงอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐแน่นอน ถึงแม้ช่วงเกิดเหตุจะไม่เห็นตัวคนร้ายก็ตาม ผมได้คุยกับภรรยาก็ไม่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ถือว่าเป็นบททดสอบของพระเจ้า และเมื่อหายดีก็จะกลับไปสอนหนังสือต่อไป" นายยูโซะ กล่าว และว่ารู้สึกดีใจและประทับใจมากที่มีหลายหน่วยงานมาเยี่ยมอาการบาดเจ็บ
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) เผยผลตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนลูกซองของคนร้ายที่ตกในจุดเกิดเหตุว่า ไม่พบความเชื่อมโยงกับคดีความมั่นคงอื่นๆ จริงๆ คดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ขอไม่เปิดเผย เบื้องต้นจากพฤติกรรมของคนร้ายเชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เพราะจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะรู้จักนายยูโซะ และรู้สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียน เพราะหลังก่อเหตุแล้วสามารถหลบหนีไปได้ทันที
ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า นายยูโซะ ยะลา มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่กับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นคณะที่ปรึกษาด้านการอำนวยความยุติธรรมของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตั้งแต่ปี 48 จนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เจ้าหน้าที่จะไปก่อเหตุทำร้ายนายยูโซะ เพราะนอกจากจะขัดกับนโยบายของ ผอ.รมน.ภาค 4 (แม่ทัพภาคที่ 4) แล้ว ยังสอดคล้องกับคำให้การของนายยูโซะที่ว่า "ไม่ใช่ฝีมือเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน" ด้วย
พ.อ.ปราโมทย์ ยังชี้แจงเรื่องการเชิญตัว นายมุกตาร์ แวเลาะ อุสตาสของโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม หรือปอเนาะพ่อมิ่ง เมื่อวันอังคารที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติด้วยความละมุนละม่อม โดยจัดกำลังเข้าไป 2 ชุดปฏิบัติการ รวม 24 นาย และมี 6 นายเข้าไปเชิญตัวอุสตาสในโรงเรียน ที่เหลือรออยู่ด้านนอก โดยระหว่างนั้นมีความพยายามปลุกระดมนักเรียนประมาณ 100 คนให้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จึงเห็นได้ว่าไม่เป็นไปตามที่มีความพยายามให้ข่าวผ่านสื่อบางแขนงว่า เจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ ใช้กำลังกว่า 100 นายเข้าจับกุมอุสตาสท่ามกลางนักเรียนกว่า 1,000 คน
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เชิญตัว นายเพาซี อุมา เจ๊ะฆู (ครูสอนศาสนา) โรงเรียนตาดีกา บ้านท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ไปเข้ากระบวนการซักถามด้วย เนื่องจากแสดงพฤติกรรมพยายามขัดขวางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุภายในโรงเรียน ปัจจุบันทั้ง 2 คนอยู่ "ศูนย์ซักถาม" ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
"การดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย เป็นการเชิญตัวมาให้ข้อมูล ไม่ใช่การเข้าจับกุม จึงขอให้หยุดอ้างอุสตาสและโรงเรียนปอเนาะมาบิดเบือนปลุกระดมเพื่อขยายความขัดแย้ง" พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวในที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :