
ผบ.ตร. แบ่งงาน รอง ผบ.ตร. ตั้ง “พล.ต.อ.สำราญ นวลมา” หัวหน้า พร้อม 4 ผช.ผบ.ตร. คุมงานแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอสงขลา ด้าน กสทช. สกัดคอลเซ็นเตอร์ ระงับ 4 หมื่นเบอร์ - โทรลวงเหยื่อ 10 ล้านครั้ง โก-ลก ติด 1 ใน 5 อำเภอชายแดน พบโทรผิดปกติเกือบ 5 แสนครั้ง
วันพุธที่ 1 ต.ค.68 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 456/2568 เรื่อง กำหนดลักษณะงาน และมอบหน้าที่รับผิดชอบ ให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (รอง จตช.) เพื่อรับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ สั่งและปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
โดยแบ่งลักษณะงานสำคัญเป็น 6 ด้าน ประกอบด้วย
1.งานบริหาร
2.งานป้องกันปราบปราม
3.งานสืบสวนสอบสวน
4.งานกฎหมายและคดี
5.งานความมั่นคงและกิจการพิเศษ
6.งานจเรตำรวจ

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือเป็นพื้นที่พิเศษซึ่งมีปัญหาความมั่นคง จะอยู่ในส่วนงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ ซึ่ง ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบงานด้านนี้แทน ผบ.ตร. และมี ผช.ผบ.ตร. 4 นาย มาเป็นผู้ช่วย ประกอบด้วย
1.พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย
2.พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม
3.พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ
4.พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช
มีหน้าที่รับผิดชอบงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา รวมถึงงานศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) รวมถึงงานที่เกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้ายและการก่อการร้ายสากล ทั้งยังทำหน้าที่ประสานงานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ด้วย

โดยรับผิดชอบกำกับดูแลหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดังนี้
1.ตำรวจภูธรภาค 9 โดยเฉพาะตำรวจภูธรจังหวัดยะลา, ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี, ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส, สถานีตำรวจภูธรที่รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (อ.นาทวี, อ.จะนะ, อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย)
2.กองบังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้
3.กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ
4.ศูนยปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า
@@ กสทช. สกัดแก๊งคอลฯ 4 หมื่นเบอร์ - โทรลวงเหยื่อ 10 ล้านครั้ง

อีกหนึ่งปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ก็คือ การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ หลอกลวงออนไลน์ ซึ่งด้านหนึ่งเคยมีปัญหากระทบประชาชนผู้บริสุทธิ์ จากการอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า วันนี้ปัญหาคลี่คลายลงบ้างแล้ว
ล่าสุดมีข้อมูลอีกด้านจาก กสทช. ว่า การใช้มาตรการที่ กสทช.ประกาศออกมา ช่วงครึ่งแรกของเดือนกันยายน จำนวน 8 มาตรการ โดยมาตรการแรก คือ กำหนดให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตรวจคัดกรองพฤติกรรมการใช้ต้องสงสัย แล้วระงับการใช้ทันที เพื่อยับยั้งความเสียหายขยายวง
โดยมาตรการทั้งหมดเป็นไปตาม พระราชกำหนดมาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2568 ซึ่งทั้ง 8 มาตรการ มีผลใช้บังคับไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา
ผลจากการบังคับใช้มาตรการแรก เป็นเวลา 15 วัน สามารถระงับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปจำนวน 47,798 เลขหมาย ( 7 วันแรกจำนวน 19,226 หมายเลข และ 7 วันหลังจำนวน 28,572 หมายเลข) รวมพบการใช้ผิดปกติทั้งหมด จำนวน 10,692,220 ครั้ง (มากกว่า 10 ล้านครั้ง)
@@ สุไหงโก-ลก ติดท็อป 5 ยอดสแกมสูงสุดของประเทศ

จากการตรวจสอบพบการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โทรออกอย่างผิดปกติ 5 อันดับแรก อยู่ที่ือำเภอชายแดนทั้งสิ้น ได้แก่
1.อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย จำนวน 2,014,472 ครั้ง (7 วันแรก 979,891 ครั้ง และ 7 วันถัดมา 1,034,581 ครั้ง)
2.อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวน 1,805,013 ครั้ง (7 วันแรก 710,500 ครั้ง และ 7 วันถัดมา 1,094,513 ครั้ง)
3.อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 1,014,183 ครั้ง (7 วันแรก 547,540 ครั้ง และ 7 วันถัดมา 466,643 ครั้ง)
4.อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย จำนวน 958,668 ครั้ง (7 วันแรก 484,986 ครั้ง และ 7 วันถัดมา 473,682 ครั้ง)
5.อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จำนวน 485,625 ครั้ง ( 7 วันแรก 188,995 ครั้ง และ 7 วันถัดมา 296,630 ครั้ง)
ส่วนที่เหลือเป็นอำเภออื่นๆ รวมกันทั้งหมด 7,326,166 ครั้ง ซึ่งตามมาตรการใหม่ กสทช.มีอำนาจสั่งระงับการใช้ชั่วคราวทันที

วิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือ เดิมใช้การโทรจากแนวชายแดน โดยเกาะโครงข่ายโทรคมนาคมของไทยเข้ามา โดยการโทรด้วยระบบ VoIP จากต่างประเทศผ่าน Internet ระหว่างประเทศมาที่ SIM Box (อุปกรณ์แปลงสัญญาณโทรศัพท์มือถือ) ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศ ทำให้ผู้รับเข้าใจว่าเป็นเบอร์ภายในประเทศ
ต่อมามีการปราบปรามอย่างจริงจัง รวมทั้งการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และกำหนดแนวถอยร่นของเสาสัญญาณเข้ามา ไม่ให้สัญญาณล้นข้ามพรมแดน

ทำให้คนร้ายจึงเปลี่ยนวิธีมาใช้ wifi calling ( บริการที่ให้ใช้โทรศัพท์โทรเข้า-ออกและรับสายผ่านเครือข่าย wifi แทนสัญญานมือถือปกติ) โทรหาเหยื่อ เพื่อหลบมาตราการแจ้งเตือนของ กสทช. ที่ให้ใส่ Prefix หรือเลขหน้า +697 + 698 สำหรับหมายเลขต้องสงสัยที่โทรจากต่างประเทศ แต่พอใช้ wifi calling โทรเข้ามาระบบจะไม่ใส่เลข Prefix แจ้งเตือน
ทาง กสทช.จึงแก้เกม ด้วยการให้ผู้ที่ต้องการใช้ wifi calling มาลงทะเบียนก่อนใช้ ทำให้ปริมาณการโทรด้วยวิธีนี้ลดลงไปเป็นอย่างมาก
สำหรับข้อมูลที่ตรวจพบการโทรจากต่างประเทศ มากกว่า 10 ล้านครั้ง ตามอำเภอชายแดน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นการโทรตามปกตินั้น พบว่า เป็นการโทรจากต่างประเทศ แต่ผ่าน SIM Box ที่ตั้งอยู่ในประเทศ ซึ่งก็คืออำเภอชายแดนเหล่านั้นที่ตั้งอยู่ใน จังหวัดเชียงราย หนองคาย สระแก้ว นราธิวาส
หลังจากนี้จะมีโอเปอเรชั่นครั้งใหญ่ ในการทลายแหล่งตั้ง SIM Box ในอำเภอเหล่านี้ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง สุไหงโก-ลก ด้วยนั่นเอง!
