ตะลึง! เหตุคนร้ายแต่งชุดดำ ใช้ปืนเอ็ม 16 ดักยิงรถเก๋งในพื้นที่เจาะไอร้อง นราธิวาส ที่แท้คนในรถคือข้าราชการในพระองค์ฯ ทำงานพระตำหนักทักษิณฯ โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าตัวตั้งสติได้ กดคันเร่งบึ่งเข้าแจ้งความ รอดตายหวุดหวิด ตำรวจเร่งตรวจสอบวงจรปิดล่าตัวคนร้าย
ความคืบหน้าเหตุการณ์ชายชุดดำใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์เก๋ง ขณะขับอยู่บนถนนสายเจาะไอร้อง -ไอสเตียร์ บริเวณบ้านเจาะเกาะ หมู่ 1 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยมี นายนาวาวี อีซอ อายุ 35 ปี เป็นคนขับ แต่โชคดีไม่ได้รับอันตราย จึงรีบเร่งเครื่องรถเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 23 ก.ย.68 ที่ผ่านมานั้น
ต่อมา หลังได้รับแจ้งข้อมูลจากนายนาวาวี ผู้เสียหาย พ.ต.อ.นรินทร์ ช่วยสุข ผู้กำกับการ สภ.เจาะไอร้อง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืนสงคราม เอ็ม 16 ตกอยู่บริเวณพงหญ้าริมทาง จำนวน 4 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเพิ่มเติมทราบว่า นายนาวาวี อีซอ อายุ 35 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.เมืองนราธิวาส เป็นข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งเจ้าหน้าที่งานในพระองค์ ระดับ 1 ประจำพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อซูซูกิ รุ่นเซียส สีเทา ป้ายทะเบียนนราธิวาส โดยใช้เส้นทางสาย 5003 เจาะไอร้อง - ไอสเตียร์
เมื่อรถแล่นถึงบริเวณบ้านเจาะเกราะ หมู่ 1 ต.บูกิต มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน แต่งกายด้วยเสื้อสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ยืนอยู่ริมถนนด้านขวามือ ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่รถยนต์เก๋งของนายนาวาวี แต่โชคดีที่นายนาวาวีไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่รถยนต์เก๋งถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณคิ้วขอบกระจกด้านข้างฝั่งคนขับเป็นรูรวม 3 นัด และที่บริเวณกระจกมองหลังฝั่งคนขับอีก 1 นัด
พ.ต.อ.นรินทร์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าในละแวกจุดเกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนถนนทุกสายที่มุ่งหน้ามายังจุดเกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่
จากการสอบปากคำนายนาวาวี ให้การเบื้องต้นว่า ไม่เคยมีเรื่องบางหมางกับผู้ใด และใช้ถนนสายดังกล่าวไปมาหาสู่ภรรยาบ่อยครั้ง ไม่คิดว่าจะถูกปองร้าย
ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนสอบสวน โดยที่ไม่ตัดทิ้งชนวนเหตุด้านความมั่นคง เนื่องจากถนนสายดังกล่าวมีเหตุร้ายบ่อยครั้ง โดยสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมักใช้สร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
