
เปิดไทม์ไลน์หลังสำนักจุฬาราชมนตรีประกาศ “วันอีดิ้ลอัฎฮา ฮ.ศ.1446” ตรงกับ 7 มิ.ย. ขณะที่ซาอุฯ ออกรายอฮัจญ์ก่อนไทย 1 วัน เผยกิจกรรมผู้แสวงบุญที่มักกะฮ์ ก่อนเดินทางกลับไทย
สำนักจุฬาราชมนตรี ออกประกาศกำหนดวันอีดิ้ลอัฎฮา ฮ.ศ.1446 ตรงกับวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568 ส่วนประเทศมาเลเซียตรงกับวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568 เช่นกัน ขณะที่ประเทศซาอุดีอาระเบียได้ประกาศวันรายอฮัจญ์ ตรงกับวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568
นายประเวศ หมีดเส็น ผู้อำนวยการกองบริหารยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ตามที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียประกาศให้มีการดูดวงจันทร์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 และมีการพบเห็นดวงจันทร์ วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ตรงกับวันที่ 1 เดือนซุลฮิจญะห์ วันอีดิ้ลอัฎฮา ตรงกับวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568

ทางซาอุดีอาระเบีย จึงได้กำหนดให้ผู้ที่อยู่มักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีกิจกรรมในการประกอบพิธีฮัจญ์ ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2568 หรือตรงกับวันที่ 7 ซุลฮิจญะห์ ผู้แสวงบุญจะออกเดินทางจากที่พักหรือโรงแรมด้วยชุดแอ๊ะรอม (ชุดแต่งกายที่มุสลิมผู้ชายสวมใส่ระหว่างการประกอบพิธีฮัจญ์หรืออุมเราะห์ โดยเป็นการสวมผ้าขาวสองผืนที่ไม่เย็บติดกัน ส่วนผู้หญิงจะสวมชุดขาวที่ปิดมิดชิด) เพื่อไปพักค้างแรม ณ ทุ่งมีนา ถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2568 หรือวันที่ 8 ซุลฮิจญะห์ พักค้างแรม ณ ทุ่งมีนา จนถึงเช้า
จากนั้นในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 หรือ วันที่ 9 ซุลฮิจญะห์ จะออกเดินทางไปทุ่งอารอฟะห์ จุดนี้จะมีภารกิจสำคัญ การทำอูกูฟ หรือขอดุอา ตั้งแต่ตะวันคลอยจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน

หลังพระอาทิตย์ตกดิน จะออกเดินทางไป มุซดาลีฟะห์ พักคอยจนเลยเที่ยงคืน หรือ จนถึงเช้าของวันที่ 6 มิถุนายน 2568 หรือ วันที่ 10 ซุลฮิจญะห์ โดยก่อนที่จะออกเดินทาง ให้เก็บก้อนหินเท่ากับเม็ดถั่ว จำนวน 7 เม็ด หรือ 70 เม็ด เผื่อเอาไว้
สำหรับวันที่ 11-13 ซุลฮิจญะห์ จะเดินกลับไปทุ่งมีนา จะต้องเดินทางไปขว้างเสาหินต้นใหญ่ 1 ต้น ขว้างเสา จำนวน 7 เม็ด หลังจากนั้นจะทำการเชือดสัตว์ และจะทำการโกนผมสำหรับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงให้ตัดแค่ปลายผม
ภารกิจต่อมาในวันที่ 10 ซุลฮิจญะห์ นอกจากขว้างเสาหินแล้ว เชือดสัตว์แล้ว โกนผมแล้ว ถ้าหากพี่น้องคนใดที่มีกำลังกาย มีความสามารถที่ก็จะเดินทางไปตอวาฟ อีฟาเดาะห์ หรือ ตอวาฟฮัจญ์ พร้อมกับทำการสะแอ เหมือนตอวาฟ ทำอุมเราะห์เลย จากนั้นจะเดินกลับไปทุ่งมีนาอีกครั้ง

ส่วนพี่น้องที่ไม่สามารถเดินเข้ามาตอวาฟฮัจญ์ ก็ให้เวรไป ค่อยมาทำหลังจากทำพิธีที่ทุ่งมีนา ในวันที่ 11-13 ซุลฮิลญะห์ เพื่อทำการขว้างเสาหิน วันละ 3 ต้น ต้นละ 7 เม็ด จนถึงวันที่ 13 ซุลฮิจญะห์ หรือ วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ก็จะเดินทางออกจากทุ่งมีนา และคนที่ยังไม่ได้มาตอวาฟฮัจญ์ ก็จะมาตอวาฟ และเดินทางกลับที่พักหรือโรงแรม
และในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 ผู้แสวงบุญจะมีกำหนดเดินทางกลับภูมิลำเนา ก็จะมาทำภารกิจสุดท้ายสำหรับคนทำฮัจญ์ก็คือ การฎอวาฟวาดะ หรือ ฎอวาฟอำลา เมื่อฎอวาฟอำลาเสร็จก็ถือว่าเสร็จสิ้นพิธีฮัจญ์อย่างสมบูรณ์ แล้วจะเดินทางไปสนามบินวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ทุกคนจะเจออ้อมกอดกับครอบครัว
@@ อบจ.ปัตตานี เตรียมพิธีร่วมละหมาดรายอฮัจญ์

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี (อบจ.ปัตตานี) นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายก อบจ.ปัตตานี เป็นประธานประชุมเตรียมจัดพิธีร่วมละหมาดเนื่องในวันฮารีรายอฮัจญ์ ครั้งที่ 20 ประจำปี 2568 (ฮ.ศ.1446)
นายเศรษฐ์ กล่าวว่า อบจ.ปัตตานี ร่วมกับมหาวิทยาลัยฟาฏอนี, คณะวิทยาการอิสลามมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และมูลนิธิมะดีนะตุสสลาม กำหนดจัดโครงการจัดงานพิธีร่วมละหมาดเนื่องในวันฮารีรายอฮัจญ์ ครั้งที่ 20 ประจำปี 2568 (ฮ.ศ.1446) เพื่อส่งเสริมให้ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา หน่วยงานภาครัฐ ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม สร้างสายสัมพันธ์ความสมัครสมานสามัคคี และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน
โดยจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น การร่วมพิธีละหมาด การบรรยายธรรม การเชือดสัตว์ (กุรบาน) แจกจ่ายเนื้อเพื่อเป็นทานแก่ญาติมิตรและผู้ยากไร้
เทศกาลวันอีดิ้ลอัฎฮา หรือ รายอฮัจญ์นี้ จะมีขึ้นหลังจากวันฮารีรายออีดิ้ลฟิตรี และในวันนี้จะตรงกับช่วงเวลาที่มุสลิมทั่วโลกเดินทางไปประกอยพิธีฮัจญ์ หรือการทำพิธีแสวงบุญ ณ นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ชาวไทยมุสลิมจึงนิยมเรียกกันว่า “วันรายอฮัจญ์”
ส่วนชาวมุสลิมที่มีกำลังความสามารถ หรือ มีทุนทรัพย์มากพอ ก็จะทำ “กุรบาน” หรือ การเชือดสัตว์ใหญ่ (เป็นการแสดงออกถึงการศรัทธาและความยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้า) เพื่อนำเนื้อมารับประทาน และแบ่งปันให้ผู้ยากไร้ รวมถึงการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปี
โดยชาวมุสลิมส่วนใหญ่มักจะนิยมเดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเฉลิมฉลองร่วมกับครอบครัวและญาติพี่น้อง เพื่อแสดงความรักความห่วงใยที่มีต่อกัน และกระชับสายสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นเฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งการขออภัย (ขอมาอัฟ) ซึ่งกันและกัน ในความผิดที่ได้กระทำต่อกัน และแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ หรือที่สะอาดสวยงาม
