สุดสัปดาห์หยุดยาวของเดือนพฤษภาคม คือ วันที่ 9 พ.ค.68 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางไปที่โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นำทีมลงพื้นที่พบปะประชาชน พร้อมเปิดตัว พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พ.ต.อ.ทวี) เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 2 จ.สงขลา ในนามพรรคประชาชาติ
การเปิดตัวผู้สมัคร สส.ตั้งแต่ก่อนไก่โห่นี้ สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เพราะคล้ายเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระหรือไม่ ท่ามกลางกระแสกดดันทางการเมืองที่กำลังรุมเร้ารัฐบาลเพื่อไทย ภายใต้การนำของนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี ก็เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีคนสำคัญของรัฐบาลชุดนี้
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 2 ของ จ.สงขลา คือ พื้นที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ตอนล่าง และเป็น “พื้นที่ไข่แดง” ที่ใกล้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มากที่สุด
ขณะที่ พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ซึ่งพรรคประชาชาติเปิดตัวลงสู้ศึกก่อนทุกพรรค ถือเป็นนายตำรวจ “ตัวจริง” ที่รู้เรื่องชายแดนใต้ และคร่ำหวอดในพื้นที่มากที่สุดคนหนึ่ง เพราะบรรจุรับราชการครั้งแรก ในปี พ.ศ.2527 เป็นรองสารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี จากนั้นก็เติบโตและทำงานในพื้นที่เรื่อยมา เป็นอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ด้านการศึกษา นอกจากจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 37 (นรต.37) รุ่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทวี แล้ว พล.ต.ท.พัฒนวุธ ยังศึกษาเพิ่มเติมในระดับปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งผ่านหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 60 ด้วย
การเปิดตัว พล.ต.ท.พัฒนวุธ เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.สงขลา ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของพรรคประชาชาติในการขยายฐานเสียงจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าสู่เมืองเศรษฐกิจอย่างหาดใหญ่ และสงขลา โดยเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจพื้นที่ และมีประสบการณ์ด้านความมั่นคงมายาวนาน ตอบโจทย์ภาพลักษณ์ของพรรคที่ยึดมั่นในหลักสันติภาพ ความยุติธรรม และการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง
โดยในการเลือกตั้งใหญ่ 2 ครั้งที่ผ่านมา คือ ปี 2562 และ 2566 พรรคประชาชาติเป็นแชมป์ สส.แบบแบ่งเขต ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยในปี 2566 กวาด สส.มาถึง 7 เขตจากทั้งหมด 13 เขต เรียกว่าเกินครึ่ง และยังได้ สส.แบบบัญชีรายชื่อมาอีก 2 คน โดยคะแนนสนับสนุนเกือบทั้งหมดมาจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เจตจำนงในการขยายพื้นที่ฐานเสียงของพรรคออกนอกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไม่ให้สถานะของพรรคประชาชาติกลายเป็น “พรรคท้องถิ่นนิยม” อย่างเต็มรูปแบบ โดยแนวคิดขยายฐานมีมาตลอด โดยเฉพาะภายใต้การนำของ พ.ต.อ.ทวี พื้นที่เป้าหมายคือ จ.สงขลา ซึ่งมีเขตทางภูมิศาสตร์ติดต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง 4 อำเภอ (อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี) โดยในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคประชาชาติก็เคยส่งผู้สมัคร สส.สงขลา ในพื้นที่รอยต่อมาแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
สำหรับพื้นที่เลือกตั้ง จ.สงขลา แต่เดิมเคยเป็นเขตอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์ ชนะแบบผูกขาดพรรคเดียวมาตลอด ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2535 กระทั่งการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์โดนเจาะไปถึง 5 เขตจากทั้งหมด 8 เขต ทำให้เหลือ สส.สงขลาเพียง 3 คนเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็น สส.จากพรรคพลังประชารัฐ กับภูมิใจไทย
ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2566 แม้พรรคประชาธิปัตย์จะฟื้นกลับมา โดยได้ สส. 6 คนจาก 9 เขต แต่ก็ยังเสียเก้าอี้ให้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ (ภายหลัง สส.ย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม)
ฉะนั้นพื้นที่สงขลา และภาคใต้จังหวัดอื่นๆ จึงยังเปิดกว้างสำหรับพรรคการเมืองต่างๆ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ลดความนิยมลงอย่างเห็นได้ชัด และพรรคประชาชาติก็มองเห็นช่องว่างตรงนี้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวบนเวที ในงานเปิดตัว พล.ต.ท.พัฒนวุธ ว่า “วันนี้เรามาในนามของพรรคประชาชาติ มาทักทายพี่น้องประชาชนในพื้นที่หาดใหญ่และอำเภอใกล้เคียง ยังไม่ได้มาในรูปแบบของการหาเสียงเลือกตั้ง แต่เราอยากให้ทุกคนเห็นว่า พรรคประชาชาติตั้งใจจะขยายบทบาทออกจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาสู่จังหวัดสงขลา เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่ เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาที่ดินทำกิน และความเหลื่อมล้ำ”
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า หากพรรคมีตัวแทนในสภา เราจะสามารถสะท้อนเสียงของประชาชนได้มากขึ้น และในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตนพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะทุกเรื่อง หากเป็นสิ่งที่สามารถผลักดันในนโยบายรัฐบาลได้ ก็ยินดีจะดำเนินการอย่างเต็มที่
