
ปรากฏการณ์ “แห่สมัครชิงเก้าอี้ สส.” ในศึกเลือกตั้งซ่อม “นครศรีธรรมราช เขต 8” แทน สส.คนเดิมที่โดนใบแดง คือ มุกดาวรรณ เลื่องศรีสนิท จากพรรคภูมิใจไทย โดยมีผู้สมัครถึง 6 คน ทั้งพรรครัฐบาล (ชนกัน 3 พรรค) ฝ่ายค้าน และพรรคเล็กนอกสภา…
สะท้อนภาพความจริงทางการเมืองว่า พื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ไม่มี “เจ้าของ” อีกต่อไป
- หมดยุคทุกพรรคกลัวประชาธิปัตย์ เพราะการเลือกตั้ง 2 ครั้งหลัง คือปี 2562 กับ 2566 แม้ในแง่ของจำนวน สส.ภาคใต้ ประชาธิปัตย์จะยังรักษาแชมป์เอาไว้ได้ แต่เปอร์เซ็นต์ หรือสัดส่วนที่นั่งลดลงฮวบฮาบ จาก 85-95% ในทุกการเลือกตั้งก่อนปี 2562 ลดลงเหลือ 44% และต้องมาลดต่ำเหลือเพียง 28% ในการเลือกตั้งปี 2566 โดยไม่มีพื้นที่ใดเลยที่ได้ ส.ส.แบบยกจังหวัด
- จริงๆ แล้ว สส.นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์เคยกวาดยกจังหวัดมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2538 กระทั่งมาโดนเจาะไข่แดง ตีไข่แตก จากพรรคพลังประชารัฐ เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นี้เอง โดยเสียไปถึง 3 เก้าอี้ จาก 8 เก้าอี้ ก่อนจะมาแพ้เลือกตั้งซ่อมอีก 1 เก้าอี้ ทำให้เหลือ สส.แค่ 50% ของจังหวัด

- การเลือกตั้งปี 2562 ถือว่าไม่ปกติ ทั้งกติกา และอิทธิพลของ คสช. ทำให้พรรคพลังประชารัฐผงาดขึ้นมา และแกนนำประชาธิปัตย์ยังมีข้ออ้างของการสูญเสียที่นั่ง
แต่เมื่อถึงการเลือกตั้งปี 2566 ประชาธิปัตย์ก็ไม่ฟื้นในภาคใต้ แม้จะตีตื้นขึ้นมาได้บ้างที่นครศรีธรรมราช โดยได้ สส. 6 ที่นั่ง จาก 10 ที่นั่ง แต่ก็เสียเก้าอี้ให้ภูมิใจไทยถึง 2 เก้าอี้ และพลังประชารัฐ กับรวมไทยสร้างชาติ อีกพรรคละ 1 เก้าอี้
- พื้นที่ภาคใต้จึงเป็น “พื้นที่เปิด” ในการเลือกตั้งรอบหน้า เพราะประชาธิปัตย์ยังคงอาการหนัก สส.คนสำคัญมีข่าวตีตัวออกห่าง เลือกตั้งท้องถิ่นบางพื้นที่ก็แพ้ รวมถึงนครศรีธรรมราช แม้จะไม่ได้ส่งในนามพรรคก็ตาม แต่เป็นบ้านใหญ่ของแกนนำพรรค
- เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อม จึงเป็นสนามประลอง และสะสมพลัง ก่อนเลือกตั้งใหญ่ ทำให้มีหลายพรรคส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ในครั้ง
@@ ประชาชาติปักหมุดภูเก็ต

อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ และเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ก็คือ การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาชาติ
พรรคการเมืองนี้เป็นแชมป์ สส.สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ กวาด สส.เขตมาได้ 7 เก้าอี้จากทั้งหมด 13 เก้าอี้ และได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ หรือบัญชีรายชื่อ ชนะทุกพรรค ในทุกเขต ทำให้ได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มมาอีก 2 คน
สถานะปัจจุบันของพรรคประชาชาติ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ได้โควต้ารัฐมนตรี 1 ที่ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ดำรงตำแหน่งก็ไม่ใช่ใคร เป็นหัวหน้าพรรคที่ชื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
นอกจากนั้น อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และเป็น “บ้านใหญ่ยะลา” คือ อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็ยังดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย
แต่การประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 เม.ย.2568 กลับไปจัดประชุมที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อำเภอเมือง จ.ภูเก็ต ไม่ได้จัดที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ฐานเสียงสำคัญของพรรค
นัยทางการเมืองของ จ.ภูเก็ต คือ เป็นพื้นที่ผันแปรซึ่งไม่มี “เจ้าของตัวจริง” เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 กลายเป็นพื้นที่แรกที่พรรคก้าวไกลเจาะไข่แดงภาคใต้ได้ และยังกวาด สส.ภูเก็ต ยกจังหวัดทั้ง 3 คนด้วย
ขณะที่ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐก็กวาดยกจังหวัด 2 ที่นั่ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปปี 2535 รวม 7 ครั้ง พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ชนะพรรคเดียวมาตลอด
ฉะนั้นภูเก็ตจึงเป็น “พื้นที่สอดแทรก” และ “พื้นที่แห่งโอกาส” ของพรรคใดก็ได้ หากมีนโยบายที่สร้างความมั่นใจให้คนภูเก็ตได้มากพอ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวปาฐกถาบนเวทีถึงทิศทางของพรรคประชาชาติ หลังก้าวเดินมา 7 ปี โดยตอกย้ำจุดเด่นความเป็น “พรรคพหุวัฒนธรรม” และประกาศทิศทางของพรรค ด้วยการขยายฐานเสียงและ สส.ไปยังพื้นที่อื่นๆ นอกเหนือจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหนึ่งในนั้นคือ…ภูเก็ต
“การจัดกิจกรรมของพรรคก็เพื่อประกาศว่า ‘ประชาชาติ’ คือพรรคของทุกคน อย่างเช่นที่เลือกจัดประชุมที่ภูเก็ต ก็เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มีนักท่องเที่ยวมากมาย พรรคประชาชาติต้องการประกาศว่า…เราคือพรรคที่เป็นสากล”
พ.ต.อ.ทวี ยังตั้งเป้าถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 ปี ว่า อยากจะมี สส. ไม่ต่ำกว่า 30 คน โดยขณะนี้ “บ้านใหญ่นราธิวาส” ก็อยู่กับพรรคประชาชาติ จึงหวังจะกวาด สส.ให้ได้ทั้ง 5 คน เช่นเดียวกับปัตตานี และยะลา ถ้ามีจำนวน สส.ของแต่ละจังหวัดเพิ่มขึ้น ก็ขอให้ได้ทั้งหมด
ส่วนตัวเลข 30 สส. เป็นการตั้งเป้าเพื่อที่ว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หัวหน้าพรรคก็จะสามารถได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯได้ และเสนอกฎหมายได้ (การมีสิทธิ์เสนอชื่อแคนดิเดตของพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องมี สส.ไม่น้อยกว่า 25 คน)
@@ สงขลาจับมือ “บุญญามณี”?
มีข่าววงในและรับรู้กันเฉพาะแกนนำสำคัญว่า หมุดหมายแรกของพรรคประชาชาตินอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดน คือ สงขลา ซึ่งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่เดิมก็ถูกตีแตกพ่ายเช่นกัน
ผลการเลือกตั้งปี 2562 ประชาธิปัตย์เหลือ สส.สงขลา แค่ครึ่งจังหวัด คือ 4 คนจาก 8 คน ทั้งๆ ที่กวาดยกจังหวัดมาตั้งแต่ปี 2535 แม้จะฟื้นขึ้นมาเล็กน้อยในการเลือกตั้งปี 2566 คือ 6 ที่นั่งจาก 9 ที่นั่งก็ตาม
เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเอกภาพของพรรค และ “บ้านใหญ่สงขลา” ซึ่งมีหลายบ้าน ก็มีปัญหากันเอง โดยเฉพาะ “บ้านใหญ่บุญญามณี” ที่ถูกลดบทบาทในพรรค หลังกลุ่ม “เฉลิมชัย - เดชอิศม์” หรือ “เสี่ยต่อ - นายกชาย” ยึดพรรคเบ็ดเสร็จ และพาพรรคเข้าร่วมรัฐบาล กลายเป็นศึกแตกหักกับ “สายนายหัวชวน” ซึ่งมี “บ้านใหญ่บุญญามณี”ให้การสนับสนุน
มีข่าวลือมาตลอดว่า “บ้านใหญ่” หลังนี้ อาจจะต้องหา “บ้านใหม่” เพราะยังมี สส.ที่มีอนาคตอย่าง สรรเพชญ บุญญามณี ลูกชายของ นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีผลงานในสภาและในพื้นที่มากพอสมควร
ขณะที่สนามท้องถิ่น “ตระกูลบุญญามณี” ก็ยังมีอิทธิพลสูงสุดและแผ่บารมีมากที่สุดในจังหวัด
ข่าวแว่วว่ามีการพูดคุยนอกรอบกับ “เบอร์ใหญ่” ของพรรคประชาชาติ ถึงความเป็นไปได้ในการขยายฐานจากชายแดนใต้ขึ้นมาที่สงขลา ภายใต้การบริหารจัดการของ “บุญญามณี”
งานนี้ถ้าคุยกันลงตัว อาจมีโภคผลทางการเมืองถึง 2 เด้ง เพราะ “อดีต รมช.นิพนธ์” ก็เคยเป็น “ขุนพล 5 จังหวัดชายแดนใต้” ในสีเสื้อประชาธิปัตย์ และกวาด สส.เกิน 90% มาแล้ว
@@ “อนุมัติ อาหมัด” ขยับคุย “สวัสดีคนไทย”

อีกด้านหนึ่ง แม้จะไม่ใช่การขยับใหญ่ เพราะเป็นความเคลื่อนไหวของ “การเมืองภาคประชาชน” ที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มสวัสดีคนไทย” นำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร หรือ “เสธ.แมว” อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และปัจจุบันวางบทบาทเป็นนักวิเคราะห์การเมืองทีมีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก
“กลุ่มสวัสดีคนไทย” ขับเคลื่อนงานการเมืองในรูปแบบของการเดินสายพบปะพูดคุยกับผู้คนกลุ่มต่างๆ โดยเลือกวาระและหัวข้อที่เป็น “ประเด็นร้อนของบ้านเมือง” ในแต่ละช่วงเวลา
การขยับตัวล่าสุด เป็นเรื่อง “แผ่นดินไหว - ตึกถล่ม” ซึ่งมองข้ามไม่ได้จริงๆ เพราะคนที่ไปตั้งวงคุยด้วย ไม่ใช่วิศวกรสร้างตึก แต่เป็นนักธุรกิจใหญ่ภาคใต้ตอนล่าง และวิศวกรการเมือง นามว่า “อนุมัติ อาหมัด” รวมถึงเพื่อนพ้องในกลุ่มชาวไทยมุสลิมปลายด้ามขวาน
อนุมัติ อาหมัด เป็นอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จังหวัดสงขลา ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุดเมื่อปี 2557 ก่อนมีการรัฐประหาร
เสธ.แมว เล่าว่า อนุมัติ เป็นนักธุรกิจใหญ่ด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะท่าเรือที่สงขลา ได้วางวิสัยทัศน์ไว้ว่า จะทำกิจการท่าเรือให้ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ภายใน 3 ปี ส่วนการทำงานด้านศาสนา อนุมัติยังดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย ทำให้เป็นที่ยอมรับจากประชาชนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะพี่น้องมุสลิม
จากการหารือร่วมกัน อนุมัติได้แสดงวิสัยทัศน์การส่งเสริมเศรษฐกิจฮาลาลในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ให้เห็นภาพว่าสามารถจะสร้างความมั่งคั่งมั่นคงให้กับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมได้ แต่การส่งเสริมเศรษฐกิจให้เข้มแข็งนั้น อนุมัติย้ำว่าฝ่ายความมั่นคงต้องปฏิบัติการสร้างพื้นที่ปลอดภัยควบคู่กันไป ผลสัมฤทธิ์ของความมั่งคั่งจึงจะยั่งยืน
“การสร้างพื้นที่ปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงต้องถือเป็นมาตรการสำคัญที่ต้องปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว ทั้งพื้นที่ปลอดภัยจากความไม่สงบ และรับมือกับภัยพิบัติต่างๆได้ จึงจะสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงยั่งยืนได้จริง“ พล.ท.ภราดร ระบุ
ภาพการพบปะพูดคุยกันแบบสบายๆ สไตล์ “สวัสดีคนไทย” ระหว่าง เสธ.แมว กับ อนุมัติ อาหมัด ทำให้หลายคนจินตนาการไปต่างๆ นานา เพราะดูเหมือนว่าการเมืองภาคใต้จะไม่ได้หยุดนิ่งเพื่อรอเลือกตั้งปี 2570
ย้อนประวัติ อนุมัติ อาหมัด ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เขาเป็นชาว อ.สะเดา จ.สงขลา บิดามีเชื้อสายปากีสถาน และมารดาชาวไทยมุสลิม จบการศึกษาปริญญาโท สาขาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
เคยเป็นอดีตที่ปรึกษาเลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เคยเป็นอดีตรองกงสุลไทยกิตติมศักดิ์ ประจำเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย และอดีตที่ปรึกษาเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)
ปี 2557 ได้รับเลือกเป็น สว.สงขลา แต่เป็นอยู่ได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจโดย คสช. และยุบวุฒิสภา ตั้่งเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติขึ้นแทน แต่ อนุมัติ ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. โดย คสช.ด้วย และได้เป็นการแต่งตั้งเป็น สว.อีก 1 สมัย ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
กระทั่งปี 2564 อนุมัติได้ลาออกจากตำแหน่ง สว. ไปช่วยงานพรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประมุขบ้านป่ารอยต่อฯ จนถูกนำไปต่อจิ๊กซอว์ว่า คือ “ขุนพลรุ่นใหม่” ที่จะพาพลังประชารัฐต่อท่ออำนาจได้สำเร็จหลังการเลือกตั้งปี 2566 โดยอนุมัติ ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพรับผิดชอบการหาเสียงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงภาคใต้ตอนล่างอีกหลายจังหวัด
แม้สุดท้ายพลังประชารัฐจะเจอมรสุม “มีเรา ไม่มีลุง” จนไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้อีก แต่ อนุมัติ อาหมัด ก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ เพราะปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ที่สำคัญเขายังเป็นนักธุรกิจพลังงานชื่อดัง เป็นกรรมการและถือหุ้นหลายบริษัท เช่น บริษัท อดามี่ จำกัด, บริษัท อดามี่ เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัทอากิแบม ออยล์ จำกัด, บริษัท เทพา ทรานซิทเทอร์มินอล จำกัด ผู้ประกอบกิจการท่าเรือเอกชนใน อ.เทพา จ.สงขลา
จิ๊กซอว์การเมืองชิ้นนี้ จึงยังต่อภาพกับการเมืองใหญ่ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สนามเลือกตั้งภาคใต้...ไร้เจ้าของตัวจริง!
