อินเตอร์โพลอนุมัติหมายแดง 14 ผู้ต้องหาคดีตากใบ ด้าน ผบ.ตร.สั่งตำรวจทุกพื้นที่เร่งสืบสวนติดตามจับกุมก่อนหมดอายุความ ขณะที่ “วันนอร์” กังวลเหตุไฟใต้ถี่อาจเชื่อมโยงคดีตากใบใกล้หมดอายุความ
เหลืออีกแค่ 7 วัน สำหรับการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีตากใบ ก่อนที่คดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.67 ที่จะถึงนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ต.ค.67 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. / ผบ.ศปก.ตร.สน. เป็นประธานในการประชุมติดตามจับกุมจำเลยและผู้ต้องหาตามหมายจับกรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ จว.นราธิวาส (ครั้งที่ 2) ที่ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 ตร.
มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยตำรวจที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานกฎหมายและคดี (กคม.), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.), กองการต่างประเทศ (ตท.), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง( บช.ก.), สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.ตร.), กองบัญชาการตำรวจสันติบาล( บช.ส.), กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รวมถึง พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 และผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1- 8 ที่ร่วมประชุมระบบทางไกลผ่านจอภาพ
ในที่ประชุมกองตำรวจต่างประเทศ (ตท) ได้รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรว่า ขณะนี้องค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ได้อนุมัติออกประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) จำเลยและผู้ต้องหาจำนวน 14 รายเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นหน่วยงานการข่าวทั้งตำรวจสันติบาลและตำรวจภูธรภาค 9 ได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มเรียกร้องและสถานการณ์ด้านการข่าวเกี่ยวกับบุคคลหรือกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว มิติกลุ่มการเมือง องค์กรอิสระ NGO/CSO โดยผ่านการแถลงข่าว ปราศรัย จัดกิจกรรม และสื่อออนไลน์ เพื่อให้รัฐบาล เร่งดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาและจำเลยมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ทันกำหนดอายุความ
ขณะที่หน่วยปฏิบัติทั้ง บช.น. และ บช.ภ.1- ภ.9 ได้รายงานผลการสืบสวนไปยังภูมิลำเนาเดิมตลอดจนเครือข่ายบ้านญาติพี่น้องที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ต้องหาหรือจำเลย อาจหลบหนีซุกซ่อนอยู่ ก็ยังไม่ปรากฏข่าวสารอันจะนำไปสู่การจับกุมได้แต่อย่างใด
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ประธานในการประชุมจึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยติดตามความเคลื่อนไหวผู้มีหมายจับอย่างต่อเนื่องและเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมผู้มีหมายจับอย่างเต็มที่ภายในกำหนดอายุความ
ทั้งกำชับให้ บช.น.ดำเนินการเฝ้าระวังทางการข่าว โดยใช้มาตรการเช่นครั้งการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022) ในการคัดกรองบุคคลและวางแผนการรักษา ความปลอดภัยในเขตกรุงเทพฯ นับแต่บัดนี้จนถึงเทศกาลปีใหม่ โดยให้ประสานข้อมูลทางการข่าวกันอย่างใกล้ชิด และประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวย้ำว่า ท่าน ผบ.ตร.กำชับให้ตำรวจผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องทุกนาย ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายต่อไป
@@ “วันนอร์” กังวลเหตุรุนแรงถี่ อาจเชื่อมโยงคดีตากใบ
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะคนพื้นที่ จ.ยะลา กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบรายวันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยอมรับว่า มีความกังวลอยากให้พื้นที่ทุกภาคส่วนของประเทศไทยเกิดความสงบมีสันติสุข ซึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีความพยายามของทุกฝ่าย แต่ก็ยังไม่สงบ เนื่องจากยังมีความเห็นที่แตกต่างระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนบางส่วน
“ขณะที่รัฐบาลก็พยายามแก้ไขด้วยการพูดคุยสันติสุข ซึ่งมาเลเซียก็รับที่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้มีการพูดคุยกัน แต่ความคืบหน้ายังน้อยมาก”
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องการข่าวเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าการข่าวดีก็สามารถระงับเหตุได้ นอกจากนี้ต้องอาศัยประชาชนให้ความร่วมมือในการดูแลความสงบ เพราะประชาชนรู้ดีกว่า
“การใช้กำลังทหาร-ตำรวจ อย่างเดียว ไม่สามารถระงับได้อย่างถาวร ทำได้เป็นการชั่วคราว ผมอยากให้องค์กรภาคประชาชน เช่น อ.ส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝึกฝนให้คนเหล่านี้ได้ทำงานในการรักษาความสงบร่วมกับทางราชการ ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ”
“แต่การใช้กำลังที่เป็นการต่อสู้ ควรใช้ในยามเกิดภัยสงคราม ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ภัยสงคราม เป็นเรื่องการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์บางอย่าง ก็คงต้องแก้ไขอย่างเหมาะสม แต่สำคัญคือต้องแก้เรื่องการข่าวและการใช้กำลังของพื้นที่ ใช้ให้เยอะกว่าการใช้ทหารและตำรวจ ซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ ไม่ค่อยชำนาญพื้นที่และต้องรีบทำให้การพูดคุยหาข้อยุติได้โดยเร็ว”
เมื่อถามว่า คดีตากใบที่เหลือไม่กี่วันจะหมดอายุความและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างถี่ มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า อาจจะเชื่อมโยงหรือไม่เชื่อมโยงก็ได้ เพราะก่อนหน้าคดีตากใบจะหมดอายุเป็นปี สถานการณ์ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ช่วงนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 วันที่คดีจะหมดอายุความ ทุกคนก็อยากให้ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจับกุมผู้ที่มีหมายจับมาส่งศาลก่อน 25 ต.ค. ถ้าจับได้ความคลี่คลายในเรื่องความเห็นต่างอาจจะลดลงไปก็ได้
“มันอาจจะเกี่ยวข้องบ้างแต่ไม่ทั้งหมด เพราะเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นก่อนอยู่แล้วแต่ช่วงนี้ถี่มากขึ้น อาจเพราะประชาชนในพื้นที่อยากแสดงออกให้เจ้าหน้าที่มีความเข้มแข็งในการจับผู้ที่มีหมายจับ ถ้าตำรวจใช้ความพยายามจริงๆ ก็น่าจะจับได้บ้าง”