ความคืบหน้าเหตุการณ์ “คาร์บอมบ์” ที่บริเวณสามแยกใกล้บ้านพักนายอำเภอตากใบ และกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 5 อ.ตากใบ ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อค่ำของวันที่ 29 ก.ย.67 ที่ผ่านมา จนทำให้มีกำลังพลทหารนาวิกโยธินฯ ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 นาย ทั้งยังทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดและเพลิงไหม้นั้น
ในช่วงสายของวันจันทร์ที่ 30 ก.ย.67 หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีและเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ทำให้ทราบว่า คนร้ายได้ประกอบระเบิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้มต้มของประเทศเพื่อนบ้าน แล้วใช้การจุดชนวนโดยการตั้งเวลาด้วยวิทยุสื่อสาร
นอกจากนั้น คนร้ายยังได้บรรจุน้ำมันเบนซินจำนวน 2 แกลลอน ใส่ไว้ในรถยนต์เก๋งคันที่ใช้ประกอบระเบิดเป็นคาร์บอมบ์ เพื่อจงใจให้เกิดเพลิงลุกไหม้หลังระเบิดทำงานด้วย ซึ่งก็ปรากฏเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนสมตามความมุ่งหมาย
@@ ควงเอ็ม 16 บุกบ้าน-จี้ชิงรถภรรยาทหารพราน
จากการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ของฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ พบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 21.40 น. ของวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ย.67 ได้มีคนร้ายจำนวน 9 คน แต่งกายชุดสีดำเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหาร บุกขึ้นไปบนบ้าน น.ส.มาเรียม (สงวนนามสกุล) ภรรยาของทหารพราน แล้วใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ขู่บังคับเอากุญแจรถยนต์เก๋ง แล้วจับ น.ส.มาเรียม มัดเอาไว้
หลังจากได้กุญแจรถยนต์เป็นที่เรียบร้อย 1 ใน 9 คนร้ายได้ขับรถยนต์ออกจากบ้าน น.ส.มาเรียม ไป คาดว่า นำรถยนต์ไปติดตั้งระเบิด
ต่อมารถยนต์คันดังกล่าวมาโผล่อีกครั้งบนถนนสายบายพาสเลี่ยงเมือง โดยมีรถจักรยานยนต์ 1 คัน ซึ่งมีคนร้าย 1 คน ขับนำหน้าออกมาบริเวณถนนหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาตากใบ คนร้ายได้เลี้ยวขวาแล้วขับตรงไปทางสี่แยกตากใบ จนมาเลี้ยวซ้าย และขับตรงไปเข้าในถนนบำรุงราษฎร์ ซึ่งเป็นถนนที่มุ่งหน้าสู่บ้านพักของนายอำเภอตากใบ
@@ ปล่อยรถไหล - วิ่งขึ้น จยย.นำทาง ขี่หลบหนี
เมื่อถึงบริเวณอาคารหอประชุมเอนกประสงค์ อ.ตากใบ คนร้ายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้จอดรอคนร้ายอีก 1 คนที่ขับรถยนต์เก๋งคาร์บอมบ์ ซึ่งกำลังหาจุดที่เหมาะสมสำหรับจอดรถ โดยถนนบริเวณนั้นมีลักษณะเป็นเนินลาดชัน แล้วปล่อยให้รถยนต์เก๋งที่แอบซุกซ่อนระเบิดไหลไปตามสภาพถนน จนถึงบริเวณสามแยกหน้าบ้านพักนายอำเภอ
จากนั้นคนร้ายที่ขับรถคาร์บอมบ์ได้วิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนจอดติดเครื่องรออยู่ เพื่อหลบหนีไป
ถัดจากนั้นเพียงแค่ 3 นาที ได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นไหว ทำให้มีผู้บาดเจ็บและอาคารบ้านเรือนในละแวกดังกล่าวเสียหาย มีเพลิงลุกไหม้
@@ จี้ชิง จยย.ชาวบ้าน 4 คันหลบหนี - คาดเตลิดข้ามแดน
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน (30 ก.ย.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า เมื่อคืนที่ผ่านมามีคนร้ายแต่งกายชุดดำเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทหาร ใช้อาวุธปืนขู่บังคับจี้รถจักรยานยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 4 ต.เกาะสะท้อน ไปจำนวน 4 คัน แล้วคนร้ายจึงได้ขับขี่และซ้อนท้ายกันหลบหนีไปท่ามกลางความมืด จนในช่วงเช้าได้มีชาวบ้านมาพบว่า รถจักรยานยนต์ทั้ง 4 คันที่คนร้ายจี้บังคับเอาไปได้ถูกจอดทิ้งไว้ที่บริเวณท่าเรือข้ามฟากในพื้นที่ หมู่ 4 ต.เกาะสะท้อน ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า คนร้ายทั้งหมดได้หลบหนีไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่
จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อีโอดีและชุดพิสูจน์หลักฐาน พบว่า คนร้ายได้ทิ้งโทรศัพท์ จำนวน 5 เครื่องของเจ้าของรถแต่ละคันไว้ในตะกร้า แต่ไม่พบสิ่งแปลกปลอมที่เป็นระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนไว้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บคราบลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่ติดอยู่ตามรถจักรยานยนต์ เพื่อไปตรวจสอบทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวัน ก่อนจะติดต่อให้เจ้าของรถมารับรถกลับไป
@@ “ภูมิธรรม” เชื่อคาร์บอมบ์โยงคดีตากใบ
ที่กรุงเทพมหานคร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ตากใบว่า “เป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะถูกโยงกับคดีตากใบ เพราะตอนนี้เป็นคดีที่กำลังอยู่ในความสนใจของทุกภาคส่วน เนื่องจากคดีจะยุติวันที่ 25 ต.ค.นี้ แต่เรื่องนี้ก็ต้องให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาได้รับการพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล ซึ่งส่วนตัวก็อยากให้ทุกอย่างจบในศาล เพื่อให้มันสิ้นสุด แต่เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าแต่ละคนมีเหตุผลอะไร เจ็บป่วยหรืออะไรก็ตาม แต่คิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เข้ามา”
ขณะที่ นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดคาร์บอมบ์ มีหลายปัจจุบันประกอบกัน อาจจะเป็นการก่อเหตุต่อเนื่องจากเหตุที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลงทั้งฝ่ายรัฐบาล ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการเปลี่ยนถ่ายผู้ที่มีตำแหน่งใหม่เข้าไปในพื้นที่ จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งในวงรอบ และก่อเหตุเพื่อให้รู้ว่ายังมีตัวตนอยู่
@@ “ฉัตรชัย” ยอมรับปล้นปืนฮาลา-บาลา มีหนอนบ่อนไส้
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ก่อเหตุปล้นปืนจากสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส นั้น นายฉัตรชัย ตั้งข้อสังเกตว่า บริเวณดังกล่าวไม่ค่อยมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นการแสดงเชิงสัญญลักษณ์หรือไม่ เนื่องจากอาวุธที่ปล้นไปเป็นปืนลูกซอง ไม่ใช่อาวุธสงคราม จึงต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่าเป็นความขัดแย้งภายในหรือเปล่า เนื่องจากอาจเชื่อมโยงกับหลายส่วน
พร้อมกับยอมรับว่ามีชุดข้อมูลที่ระบุถึงความเป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องกับคนในเป็นคนชี้เป้าให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาในพื้นที่ โดยจะต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด