ประเด็นปัญหา “ความมั่นคงภายใน” ตามที่ “ทีมข่าวอิศรา” นำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในระยะ 1 สัปดาห์มานี้ สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองไม่น้อยทีเดียว
มีคนไถ่ถามและวิจารณ์ข่าวที่รายงานไปในวงกว้าง โดยเฉพาะในหมู่คนทำงานด้านความมั่นคง เพราะประเด็นที่นำเสนอ ค่อนข้างอ่อนไหว และส่งผลต่อทิศทางหลักๆ ในมิติความมั่นคงหลายเรื่อง
โดยเฉพาะการฉายภาพให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยยังคงมีปัญหาความไม่พร้อมทั้งในแง่บุคลากร และความเชี่ยวชาญงานด้านความมั่นคง เห็นได้จาก...
- การจัดตัวรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งผิดฝาผิดตัว ต้องเปลี่ยนตัว และแม้เปลี่ยนแล้วก็ยังคงถูกวิจารณ์
- โผทหารมีปัญหา และสุดท้ายต้องยอมตามความต้องการของผู้นำเหล่าทัพ
- การต้องยอมผู้นำเหล่าทัพ อาจไม่จบแค่โผทหารที่กองทัพเรือ แต่ยังอาจลุกลามไปถึงปัญหาเรือดำน้ำเครื่องยนต์จีน และอื่นๆ ในมิติ “เสนาพาณิชย์” ด้วย
- ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. หาตัวผู้เหมาะสมยังไม่ได้ ทั้งในการแต่งตั้งปีที่แล้ว และที่กำลังจะแต่งตั้งในปีนี้
เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงครั้งใหญ่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำ บุกปล้นอาวุธปืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา-บาลา อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ได้ปืนไปสิบกว่ากระบอก แถมวางเพลิง วางระเบิด จนก่อความเสียหายรุนแรง ทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกตั้งคำถามเรื่องการจัดการปัญหาไฟใต้ เพิ่มขึ้นด้วย
“ทีมข่าวอิศรา” รายงานข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า รัฐบาลเพื่อไทยกำลังรื้อโครงสร้างในภารกิจดับไฟใต้ครั้งใหญ่ โดยจะดำเนินการใน 6 เรื่อง
แต่ต้องเน้นย้ำ ขีดเส้นใต้ตรงนี้ว่า ทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่ “คำตอบสุดท้าย” แต่เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจริง
อ่านประกอบ : จ่อรื้อใหญ่โครงสร้างดับไฟใต้ “สมช. - ทัพ 4 - คณะพูดคุยฯ”
และเสียงวิจารณ์ที่ตามมาหลังมีการนำเสนอข่าว ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า ทั้งหมดนี้ไม่จริง เพียงแต่กังวลว่า หากเกิดการปรับเปลี่ยนทิศทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ตามที่มีการเสนอนี้ อาจส่งผลกระทบด้านลบกับสถานการณ์
“ทีมข่าวอิศรา” ขอนำทั้ง 6 ข้อ 6 ประเด็นมาเสนอย้ำอีกครั้ง พร้อมข้อมูลและเสียงวิจารณ์จากฝ่ายต่างๆ ที่สะท้อนกลับมา
1.วางตัวเลขาธิการ สมช.คนใหม่ มีแนวโน้มเป็น “นายตำรวจที่คุมงานด้านการข่าว”
แต่เนื่องจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 หรือ “ซี 11” นายตำรวจที่ถูกวางตัวไว้ ยังอยู่ “ซี 9” ยังไม่ใช่ “ซี 10” จึงต้องหาคนที่เหมาะสมมาขัดตาทัพเพื่อรอเวลา
แนวโน้มจึงอาจใช้ “คนใน สมช.” ตามที่ “บิ๊กอ้วน - ภูมิธรรม เวชชยชัย” รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ซึ่งก็ตรงตามที่ทีมข่าวอิศรารายงานไปก่อนหน้านี้
2.อาจมีการดึง นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ จากรองเลขาธิการ ศอ.บต. ขึ้นมารับผิดชอบงานภาคใต้ทั้งระบบของ สมช.
โดยนายนันทพงศ์ เคยทำงานที่ สมช. และ คปต. คือ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยุค คสช. จึงเชี่ยวชาญหน้างานนี้เป็นอย่างดี
มีบางฝ่ายเสนอให้ นายนันทพงศ์ ขึ้นเป็นเลขาธิการ สมช. แต่มีเสียงค้าน เพราะตำแหน่งนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ และภัยคุกคามความมั่นคงใหม่ๆ ทั้งโรคระบาด หรือแม้แต่ปัญหาโลกร้อน และการขาดแคลนอาหาร ซึ่งเป็นปัญหาความมั่นคงทั้งสิ้น
3.นายพล “ส.” มีส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายภาคใต้
4.มีแนวโน้มเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะพูดคุย โดยมีชื่อ พล.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 หลุดออกมา
5.มีการจับตาการวางตัว “ทหารรบพิเศษ” เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อรอขึ้นแม่ทัพปีหน้า เป็นการตัดวงจร “ลูกหม้อทัพภาค 4” ที่เป็นแม่ทัพต่อเนื่องกันมาร่วม 1 ทศวรรษ ซึ่งจะส่งผลต่อแนวทางการแก้ปัญหาภาคใต้อย่างแน่นอน
6.มีการเร่งศึกษาข้อดีข้อเสีย การประกาศให้ “บีอาร์เอ็น” เป็นกลุ่มก่อการร้าย เพื่อตัดการสนับสนุนและเงินบริจาคจากองค์กรต่างประเทศ
ข้อ 3 ถึงข้อ 6 ไม่ใช่ข่าวโคมลอย แต่มีการจัดทีม “ทหารรบพิเศษ” และ “คนเคยผ่านงานภาคใต้” ไปบรรยายให้ “ผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรคเพื่อไทย” ได้รับฟัง โดยทีมที่ไปบรีฟต่อหน้าผู้มีอำนาจ เป็นทีมที่เคยทำงานภาคใต้ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ หรือ นายกฯปู บางส่วนเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
ข่าวว่า “ผู้มีอำนาจตัวจริงในพรรคเพื่อไทย” ให้น้ำหนักข้อมูลที่ได้รับมา และสั่งศึกษาต่อในหลายๆ ประเด็น แต่ยังไม่ได้เคาะในรอบสุดท้าย โดยเฉพาะเรื่องตัวบุคคล