จังหวัดใหญ่ เมืองหลวงภาคใต้ตอนล่างอย่าง “สงขลา” เริ่มมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองเตรียมการเลือกตั้งนายก อบจ.กันแล้ว
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ปัจจุบันมี นายไพเจน มากสุวรรณ์ เป็นนายก และยังไม่มีทีท่าจะลาออก แถมยังเดินหน้าลงพื้นที่อย่างหนักทุกวัน
สุ้มเสียงและท่าทีของนายกไพเจน ชัดเจนว่าจะลงสมัครรักษาเก้าอี้นายก อบจ.อีก 1 สมัยแน่นอน ส่วนจะลงในนามพรรคประชาธิปัตย์อีกหรือไม่ เจ้าตัวออกตัวว่าขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรคเป็นผู้กำหนด
สำหรับสงขลา แม้จะเป็นพื้นที่ฐานเสียงของประชาธิปัตย์ แต่กลับมี “บ้านใหญ่” หลายบ้าน ที่เด่นๆ ก็เช่น
- บ้านบุญญามณี นำโดย นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต สส.สงขลาหลายสมัย แถมยังเคยเป็นนายก อบจ.ด้วย
- บ้านขาวทอง นำโดย “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ รมช.สาธารณสุข
- บ้านเสนเนียม นำโดย นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำประชาธิปัตย์ อดีต รมช.คมนาคม ปัจจุบันย้ายไปอยู่พรรคไทยภักดี
สำหรับสองบ้านใหญ่ “ขาวทอง - บุญญามณี” แม้ตัวจะยังอยู่ประชาธิปัตย์ แต่ประชาชนในจังหวัดต่างรู้กันดีว่า ทั้งคู่แบ่งฐานเสียงกันชัดเจน ประเภทญาติใคร คนนั้นก็ดูแลเอาเอง
ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของ นายนิพนธ์ ในฐานะ “ประมุขบ้านบุญญามณี” เดินหน้าลงพื้นที่เขย่าเสียง ส.อบจ.
มีข่าวว่า ขณะนี้มีขุนพลร่วมทีมแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวนายนิพนธ์เอง อยู่ระหว่างการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะกลับมาเล่นสนาม อบจ.อีกครั้งหรือไม่ เพราะยังมีคดีที่รอการตัดสินอยู่ในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คือคดีที่ถูกฟ้องฐานไม่จ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ ให้กับเอกชน
คดีนี้มีข่าวว่าใกล้ได้เวลานัดอ่านคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์เต็มที โดย นายนิพนธ์ ถูกกล่าวหาว่าสมัยดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ให้แก่ บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ผู้ชนะการประมูล โดยนายนิพนธ์อ้างเหตุว่าพบมีการฮั้วประมูล ซึ่งผู้บริหารบริษัทถูกออกหมายจับหลายราย
มีรายงานว่า หากผลคดีออกมาเป็นคุณกับนายนิพนธ์ เจ้าตัวก็น่าจะลงสมัครสู้ศึกนายก อบจ.ครั้งใหม่แน่นอน แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็มีแผน 2 รองรับ โดยเตรียมเบอร์ 2 ไว้ลงแทน คือ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงคนปัจจุบัน ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนวันที่ 30 ก.ย.นี้
หาก นายนิพนธ์ ตัดสินใจลงสู้ศึกนายก อบจ. ก็น่าจะชนกับ นายไพเจน นายก อบจ.ปัจจุบันที่จะลงสมัครอีกสมัย และรู้กันทั้งเมืองว่า “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นกองหนุนอยู่เบื้องหลัง
สำหรับผลงานตลอด 4 ปีของนายไพเจน บนเก้าอี้นายก อบจ. เจ้าตัวโฆษณาว่าสามารถสร้าง “กองเกษตร” ของ อบจ.แห่งแรกของประเทศไทย และกองสาธารณสุข โอนย้ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลของ จ.สงขลาเกือบทั้งหมดมาอยู่ในความดูแลของ อบต. แต่ผลงานต่อยอดหลังการโอนย้ายก็ยังไม่เป็นรูปธรรมมากนัก
แม้จะมีการชิงเปิดสะพานลอยข้ามโรงพยาบาลสงขลา เกาะยอ แต่ก็ไม่ใช่ผลงานของตนเองทั้งหมด เนื่องจากเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายของนายนิพนธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ด้วย เพียงแต่การก่อสร้างมาแล้วเสร็จในวาระที่นายไพเจนดำรงตำแหน่งเท่านั้น
ขณะที่กระแสโจมตี ตั้งข้อสังเกตก็เริ่มหนาหูขึ้นเช่นกัน เช่นการเร่งทำโครงการในช่วงโค้งสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง โดยเฉพาะการอบรมสัมมนาติวเข้มกลุ่ม อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน) ในช่วงใกล้จะคาบเกี่ยว 180 วันก่อนครบวาระ เรื่องนี้หากมีผู้ร้องเรียน ก็ต้องไปจบที่องค์กรผู้ชี้ขาดอย่าง กกต.
อีกด้านหนึ่งก็คือปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ทำให้พรรคแบ่งออกเป็น 2 ซีก 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่เห็นด้วย กับฝ่ายที่คัดค้านการเข้าร่วมรัฐบาล
โดย นายนิพนธ์ และลูกชาย คือ นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา อยู่ฝ่ายคัดค้าน ยืนอยู่ตรงข้าม “นายกชาย”
ฉะนั้นหาก นายนิพนธ์ ลงชิงเก้าอี้นายก อบจ. อาจกลายเป็นสงครามตัวแทน แข่งกับ นายไพเจน แต่คู่ต่อสู้ที่แท้จริง คือ “นายกชาย เดชอิศม์”
ถือเป็นศึกล้างตาจากปัญหาในพรรค โดยไปตัดสินกันในสนาม อบจ.
แต่หากผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้ไม่ต้องการให้เกิดภาพ “พรรคแตก” ก็อาจหาทางออกกลางๆ ร่วมกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นนายนิพนธ์ นายสุพิศ หรือ นายไพเจน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น จึงมีโอกาสสูงที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ส่งใครลงสมัครในนามพรรค เพื่อแสดงความเป็นกลาง
แต่ก็เชื่อกันว่า สุดท้ายจะกลายเป็นศึกล้างตาของ 2 บ้านใหญ่ อย่าง “บ้านบุญญามณี” และ “บ้านขาวทอง” อยู่นั่นเอง