ปฏิบัติการส่งจดหมายข่มขู่ อส. หรือ เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน เกิดขึ้นต่อเนื่องมานานหลายเดือน และถี่ขึ้นมากในระยะหลัง โดยที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสืบหาต้นตอได้
เส้นทางจดหมายขู่ อส.ชายแดนใต้ มีไทม์ไลน์ดังนี้
เม.ย.67 - อ.บันนังสตา จ.ยะลา
ก.ค.67 - มัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา
สองกรณีแรกไม่ปรากฏเป็นข่าว และไม่มีรายละเอียดมากนัก จึงยังไม่ได้รับความสนใจ และไม่สร้างความตื่นตระหนก
19 ส.ค. - พบจดหมายขู่ในพื้นที่ อ.มายอ อ.แม่ลาน และ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
23 ส.ค. - พบจดหมายขู่ใส่ในซองจดหมาย จ่าหน้าถึงเจ้าหน้าที่ อส. 14 นาย ซึ่งเป็น อส.อำเภอทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
30 ส.ค. - พบจดหมายข่มขู่เจ้าหน้าที่ อส. ที่ร้านน้ำชา และมัสยิดใน ต.แป้น ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี และ ต.ดอนทราย กับ ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี
30 ส.ค. - พบจดหมายข่มขู่ใส่ซองจ่าหน้าถึงเจ้าหน้าที่ อส. รวม 6 ฉบับ ที่มัสยิด ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา
1 ก.ย. - พบจดหมายข่มขู่ เขียนระบุชื่อเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอจะแนะ 5 ฉบับ วางหน้าบ้านของ อส. 5 นาย เป็น อส.ชคต.จะแนะ 4 นาย และ อส.ชคต.ช้างเผือก 1 นาย
7 ก.ย. - พบจดหมายข่มขู่ใส่ซอง จ่าหน้าถึงเจ้าหน้าที่ อส.ในพื้นที่ 2 ตำบลของ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รวม 7 ฉบับ วางหน้ามัสยิด 2 ตำบล คือ ต.ตันหยงลิมอ และ ต.ตันหยงมัส
จดหมายข่มขู่ทั้งหมด มีข้อสังเกตที่เป็นความต่างของแต่ละเหตุการณ์ดังนี้
- จดหมายขู่ระบุชื่อจ่าหน้าซอง พบครั้งแรกที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
- จดหมายขู่ที่ส่งถึงหน้าบ้าน อส. พบครั้งแรกที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
- นับถึงวันนี้มีจดหมายขู่ครบแล้วทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาความมั่นคง
- จากข้อมูลของทหาร อาจมี อส.ถูกขู่พื้นที่อื่นอีก เช่น อ.เมือง และ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส แต่ไม่เป็นข่าว
@@ เป้าหมาย “ตอกลิ่ม”
จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ “มือมืด” ส่งจดหมายข่มขู่ อส. เกิดมาแล้วหลายพื้นที่ ต่อเนื่องนานนับเดือน แต่ที่ผ่านมามีแต่ข่าวส่งจดหมายข่มขู่ ยังไม่เคยมีใครไปถาม อส.ที่ถูกขู่ว่ารู้สึกอย่างไร ยอมลาออกตามคำสั่งของ “มือมืด” หรือไม่
“ทีมข่าวอิศรา” พูดคุยกับ อส.หลายนายที่เคยได้รับจดหมายข่มขู่ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่กลัว” แถมบางคนยังบอกว่า “รู้ตัวคนส่ง” ด้วยซ้ำ
อส.จากพื้นที่ปัตตานี ซึ่งเคยได้รับจดหมายข่มขู่ บอกว่า “ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะที่ผ่านมาก็เคยโดนมาเยอะแล้ว หนักด้วย ไม่ได้รู้สึกกลัวกับคำข่มขู่ แต่ที่กังวลคือการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราจะมีปัญหากันเองหรือไม่ เพราะใจความสำคัญในจดหมาย คือให้เราลาออก หรือไม่ก็ให้ร่วมเป็นสายให้ขบวนการ ตรงนี้มากกว่าที่จะทำให้การทำงานของ อส.ที่มีชื่อในจดหมายอาจมีปัญหา เป็นปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่ด้วยกัน โดยเฉพาะกับ อส.ที่เป็นพุทธ อาจทำให้เกิดความไม่เชื่อใจ กลายเป็นความแตกแยกได้”
อส.รายนี้ ยังเชื่อว่า การที่ “มือมืด” เจาะจงส่งจดหมายขู่ อส. เพราะรู้ดีว่าเป็นกองกำลังประจำถิ่น เป็นคนพื้นที่ ทราบข้อมูลทุกอย่าง และทหารจะส่งมอบพื้นที่ให้รับผิดชอบ 100% หลังปี 2570
“อส.ส่วนมากเป็นคนพื้นที่ รู้ข้อมูล รู้ปัญหาทุกอย่าง ทำให้สามารถจำกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ และอีกอย่าง อส.ที่เขาระบุชื่อ ส่วนมากจะเป็น อส.รุ่นเก่าๆ มากกว่า อส.กลุ่มคนรุ่นใหม่ เป้าหมายเขาชัด คือต้องการทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มคนทำงานด้วยกัน”
@@ ไม่หวั่นคำขู่ - รู้ตัวคนส่ง
อส.อีกรายซึ่งโดนจดหมายขู่เช่นกัน บอกว่า “เราจะไปกลัวทำไม คนเอาจดหมายมาวางเราก็รู้จัก เรารู้แม้กระทั่งคนสั่งการด้วย แล้วเราจะไปกลัวอะไร คนพวกนี้ก็ทำได้แค่นี้”
อส.รายนี้ ยืนยันว่า ไม่มีทางลาออกตามคำขู่แน่นอน
“จะลาออกทำไม ลาออกแล้วจะกินอะไร ไม่ลาออกหรอก หลังมีจดหมายขู่ก็ปกติ ระวังตัวปกติ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เฉยๆ”
ขณะที่ อส.อีกราย ยืนยันเช่นเดียวกันว่า “ไม่ลาออกและไม่ออกจากงานเด็ดขาด เพราะหากลาออกครอบครัวจะกินอะไร แล้วทำไมต้องไปเชื่อคนที่อยู่ในที่มืด เราอยู่ที่สว่าง จะกลัวอะไร ผิดถูกมนุษย์ไม่ใช่ผู้ตัดสิน ขอทำหน้าที่นี้ต่อไป”
@@ ผบ.ฉก.นราธิวาส พบจดหมายขู่ 4 ชคต.
ด้าน พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 กล่าวว่า เหตุการณ์คนร้ายโปรยใบปลิว และส่งจดหมายข่มขู่ “สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน” หรือ อส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ใน จ.นราธิวาส นั้น พบ อส.ที่ถูกข่มขู่ ประจำการอยู่ในฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) 4 แห่ง ประกอบด้วย อ.ศรีสาคร อ.จะแนะ อ.ระแงะ และ อ.เมืองนราธิวาส
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่เพื่อปลอบขวัญให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ อส. พบว่า อส.ทุกนายที่เป็นเป้าหมายในใบปลิวเพื่อปองร้าย ไม่มีใครหวาดหวั่นหรือเกรงกลัว ทุกคนมีขวัญกำลังใจที่ดี และยืนยันการเข้ามารับใช้ชาติด้วยการเป็น อส.เป็นความสมัครใจ ไม่หวั่นต่อการประทุษร้าย แต่ตนก็ได้มอบนโยบายให้ทุกคนไม่ตั้งอยู่บนความประมาท
“ลักษณะใบปลิวเป็นข้อความเดียวกัน มีการสำเนาถ่ายเอกสาร และมีการนำมาเขียนด้วยลายมือ บางพื้นที่เป็นลายมือคนเขียนคนเดียวกัน ระบุชื่อเล่น บางพื้นที่มีคนเขียน 2 คน แต่เป็นลักษณะของการเขียนชื่อเต็มที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องก็มี แต่ที่อยู่ถูกต้อง และได้แจกจ่ายไปที่บ้านกับที่มัสยิด”
@@ แม่ทัพสั่งเก็บดีเอ็นเอ ล่าตัวคนส่ง
ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวอีกว่า แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นห่วง 2 เรื่อง คือ ให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ไปหาข้อมูลเชิงลึก อะไรที่สามารถเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้ เช่น ดีเอ็นเอที่ติดอยู่กับสำเนากระดาษ ก็พยายามเชื่อมโยงหาตัวคนทำ อีกเรื่องคือไปพบปะพูดคุยกับ อส.ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
“จากที่ได้สอบถาม อส. ทุกคนบอกว่าสมัครใจเข้ามาเป็นอาสาสมัครเพื่อทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐดูแลประชาชน ปกป้องประชาชนให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จริงๆ เขาเตรียมตัวมาก่อนแล้วว่า ถ้าจะโดนก็ไม่มีผลกระทบใดๆ สรุปว่าตัวของ อส.ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้รู้สึกกลัว แต่มีความวิตกกังวลที่เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวที่อาจได้รับผลกระทบบ้าง” พล.ต.เฉลิมพร กล่าว