"จาตุรนต์" สรุปรายงาน กมธ. จี้รัฐบาลยกร่าง พ.ร.บ. ยุติคำสั่ง คสช.14/2559 เหตุเปิดช่องกองทัพคุมแก้ปัญหาใต้นับสิบปี ปิดกั้นการมีส่วนร่วมประชาชน กระทบกระบวนการสันติภาพ ชง 6 ข้อเสนอฟื้นสภาที่ปรึกษาฯ โมเดลเดิม เพิ่มเติมคือให้เลือกตั้ง พร้อมแก้ พ.ร.บ. ศอ.บต. เขียนมาตรารองรับกระบวนการพูดคุยสันติภาพ
เมื่อเร็วๆ นี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 4 เมษายน พุทธศักราช 2559 พ.ศ. ….
โดยนายจาตุรนต์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ตลอด 3 เดือนที่ได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการฯ (กมธ.) เพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ. ให้คำสั่ง คสช.นี้ยุติลง พบข้อเท็จจริงว่า...
คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับนี้ทำให้ “สภาที่ปรึกษา” ซึ่งเป็นกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่ของตัวเองอย่างสิ้นเชิง แต่เป็น 10 ปีที่ปัญหาในชายแดนใต้ถูกจัดการโดยมีกองทัพเป็นแกน ซึ่งที่ประชุม กมธ.ได้มีมติเห็นชอบร่างรายงานของ กมธ. ซึ่งมีข้อสังเกตไว้ในรายงาน เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ดังนี้
1. คณะรัฐมนตรีควรพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีดังนี้
“เหตุผล” โดยที่คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 4 เมษายน 2559 ที่ให้งดการบังคับใช้บทบัญญัติมาตราต่าง ๆ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 โดยเฉพาะบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงให้งดใช้บังคับบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี ในส่วนที่อ้างถึงสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 กำหนดให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แทน
ด้วยกลไกและอำนาจหน้าที่เช่นนี้ไม่ได้สะท้อนความเป็นตัวแทน และหลักการการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งยังมีบทบาท และอำนาจหน้าที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และความจำเป็นต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังกำหนดบทบาทให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนือศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และส่วนราชการพลเรือนอื่น ทั้งยังขยายบทบาทและอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน.ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้เป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น
ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกระทบต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากได้สร้างเงื่อนไขและข้อจำกัดการมีส่วนร่วมของประชาชน ลดทอนความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อกระบวนการสร้างสันติภาพ และการพัฒนาพื้นที่และเป็นการทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จึงไม่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาและไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 เป็นเหตุสมควรให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
2. นายกรัฐมนตรีควรสนับสนุนให้ ศอ.บต. จัดโครงสร้างองค์กร มอบหมายผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้และเข้าใจกระบวนการทำงานของประชาชน และจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการทำงานของสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยต้องคำนึงถึงความคล่องตัว ความเป็นอิสระทางความคิดและประสิทธิภาพการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนสูงสุด และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการข้างต้นอย่างเพียงพอและเหมาะสม
3. ศอ.บต.ควรพิจารณาเสนอชื่อ สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 มาตรา 108 (4) โดยให้พิจารณาว่ายังขาดตัวแทนจากภาคส่วนใด ทั้งที่กำหนดไว้ในมาตรา 119 (1) – (14) และมิได้กำหนดไว้ ก็ให้พิจารณาแต่งตั้งจากตัวแทนของภาคส่วนที่ขาดนั้นเป็นลำดับแรกก่อน และให้คำนึงถึงสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างหญิง ชาย และเยาวชน เพื่อให้สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบไปด้วยประชาชนทุกภาคส่วน
4. ศอ.บต.ควรพิจารณาเร่งรัดจัดทำระเบียบที่จำเป็นและสำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคได้ พ.ศ.2553 มาตรา 23 เพื่อให้เป็นมาตรฐานและแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่คำนึงถึงหลักการบริหารที่มีส่วนร่วมของประชาชน
5. นายกรัฐมนตรีควรสนับสนุนให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กำหนดให้มีผู้แทนจากสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีส่วนร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคได้ในทุกระดับ และเป็นกลไกสำคัญในการรับฟังเสียงสะท้อน และปรึกษาหารือสาธารณะ (Public Consultation) จากประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการสร้างสันติภาพ
6. คณะรัฐมนตรีควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับทิศทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการปรับปรุง แก้ไข และเพิ่มเติมพระราชบัญญัติดังกล่าวควรมีสาระสำคัญ ดังนี้
- ให้มีระบบบริหารราชการที่ให้อำนาจประชาชนต่อการกำหนดและกำกับทิศทางนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
- ให้มีสมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนร่วมกับระบบสรรหา (เดิม)
- ให้สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสัดส่วนของหญิงและชายอย่างเท่าเทียม และให้เพิ่มองค์ประกอบจากกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มเยาวชน
- ให้มีมาตรการ กลไก และแนวทางการเสริมสร้างสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นมาตราเฉพาะรองรับกระบวนการและผลลัพธ์ของการพูดคุยสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้
@@ กมธ.สันติภาพใต้ ถกปัญหาการศึกษากับสมาคมปอเนาะ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ในหมวกอีกใบหนึ่ง คือ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ “กมธ.สันติภาพชายแดนใต้” สภาผู้แทนราษฎร ยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเปิดเวทีรับฟังความเห็นของประชาชนกลุ่มต่างๆ
โดยวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย.67 กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ได้พบปะและประชุมร่วมกับนายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดนราธิวาส โดย นายมะสุขรี ซีเดะ นายกสมาคมฯ ได้เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการศึกษาในพื้นที่ ที่ห้องประชุมโรงเรียนดารุสสาลาม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส