“กัณวีร์” ใส่ชุดมลายูเข้าสภา อภิปรายซัดรัฐบาลให้ท้ายดำเนินคดี ย้อนแย้งกระบวนการสันติภาพ ด้านกลุ่มนักกิจกรรมชายแดนใต้เดินสายยื่นหนังสือร้อง กมธ.-รมว.ยุติธรรม “ทวี” มอบรองปลัดฯติดตามตรวจสอบ ด้าน “ซูการ์โน” ตั้งคำถามธงบีอาร์เอ็นผิดตรงไหน
วันพุธที่ 17 ม.ค.67 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงปรึกษาหารือ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้แต่งกายด้วยชุดมลายูเข้าสภา และได้ขออภิปรายต่อที่ประชุม ฝากยังนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) กรณีมีความย้อนแย้งในการสร้างสันติภาพแบบยั่งยืนให้เกิดขึ้นในพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสี่อำเภอของ จ.สงขลา
นายกัณวีร์ อภิปรายตอนหนึ่งว่า ความย้อนแย้งคือเรากำลังสร้างสันติภาพแบบยั่งยืน แต่ว่าการบังคับใช้กฎหมาย การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำต่อนักกิจกรรม กลุ่มที่ทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และแสดงออกสิทธิพลเมืองการเมือง กลับโดนหมายเรียก
คนแรกนายมูฮัมหมัด อลาดี เด็งนิ ซึ่งจัดงานแต่งชุดมลายูในวันฮารีรายอ แต่กลับถูกดำเนินคดีอั้งยี่ ซ่องโจร ยุยงปลุกปั่น จากกิจกรรมเมื่อปี 2565 ถือเป็นปิดกั้นการสิทธิเสรีภาพการแสดงออก
คนที่ 2 นายซาฮารี เจ๊ะหลง ทำเพจพ่อบ้านใจกล้า ระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวที่หัวหน้าครอบครัวถูกวิสามัญฆาตกรรม แต่ถูกข้อหาเอาเงินมาใช้เอง
และอีกคนคือ นายอาเต็ฟ โซะโก และกลุ่มนักศึกษา ทำกิจกรรมเรื่องประชามติจำลอง ก็โดนข้อหาเหมือนกัน
นายกัณวีร์ กล่าวว่า ทั้ง 3 กรณีนี้ ตอนนี้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ในการเรียกร้องถึงความไม่เป็นธรรม ถ้าการใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม ก็จะเป็นความอยุติธรรม จึงอยากฝากประธานสภาผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี ช่วยพิจารณาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมด้วย
@@ “หมออ๋อง” นั่งบัลลังก์แต่งชุดมลายู
เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่ได้มีเฉพาะ นายกัณวีร์ สส.บัญชีรายชื่อ จากพรรคเป็นธรรมเท่านั้นที่แต่งกายด้วยชุดมลายู แต่ นายปดิพันธ์ สินติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ประธานในการประชุมสภา ขณะที่นายกัณวีร์อภิปรายหารือ ก็ได้แต่งกายด้วยชุดมลายูเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ นายปดิพัทธ์ หรือ “หมออ๋อง” ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล แล้วย้ายเข้าสังกัดพรรคเป็นธรรม พรรคเดียวกับนายกัณวีร์ เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาเอาไว้
@@ นักกิจกรรมชายแดนใต้ ยื่นหนังสือถึง กมธ.ความมั่นคงฯ
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักกิจกรรมจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันเดียวกัน ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ และกิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ได้รับหนังสือร้องเรียนจาก นายฮากิม พงติกอ และกลุ่มนักกิจกรรมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายฮากิม กล่าวว่า เป็นตัวแทนจากผู้ถูกกล่าวหาดำเนินคดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น กรณีธง คำพูด คำแปล หรือการจำลองการทำประชามติ เป็นต้น ซึ่งมีการฟ้องคดีมากกว่า 20 คดี และที่ผ่านมาก่อนหน้านี้รวมแล้วกว่า 40 คดี ทำให้เรากังวลว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ และเป็นการฟ้องเพื่อปิดปากประชาชน โดยเฉพาะนักกิจกรรม
@@ พบ รมว.ยุติธรรม ขอตรวจสอบ ”ฟ้องปิดปาก”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคารที่ 16 ม.ค. กลุ่มนักกิจกรรมได้เดินทางไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบการฟ้องร้องดำเนินคดีว่า มีเจตนาใช้กฎหมายปิดปากนักเคลื่อนไหวและละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่
นายซาฮารี เจ๊ะหลง จากเพจชมรมพ่อบ้านใจกล้า กล่าวว่า ตนเองและกลุ่มนักกิจกรรมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ยื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ทวี เพื่อช่วยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายจากการถูกกล่าวหา ทั้งเรื่องการจัดกิจกรรมและการระดมทุน, การดำเนินคดีบุคคลผู้แต่งกายด้วยชุดมลายู หรือแม้แต่การจัดทำประชามติจำลอง ซึ่งเป็นการรณรงค์เพื่อรักษาอัตลักษณ์ตัวตนและชาติพันธุ์ของตนเอง แต่ถูกฝ่ายความมั่นคงใช้กฎหมายปิดปากนักกิจกรรมที่พยายามสร้างพื้นที่ทางการเมือง
@@ กอ.รมน.โต้สงครามวาทกรรม ไม่เคยห้ามแต่งมลายู
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เคยออกมาชี้แจงว่า นายซาฮารี ไม่ได้ถูกดำเนินคดีเรื่องเปิดบัญชีระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม หรือเสียชีวิตจากการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ เพราะไม่ใช่การกระทำผิดกฎหมาย แต่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง และกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ส่วนนักกิจกรรมที่จัดรวมตัวชุมนุมแต่งชุดมลายู ก็ไม่ได้ถูกดำเนินคดีเรื่องการแต่งกายตามอัตลักษณ์ แต่มีการดำเนินคดีเรื่องการปราศรัยบนเวทีในลักษณะปลุกระดม และมีการโบกธงของขบวนการแบ่งแยกดินแดน
@@ “ทวี” ส่งรองปลัดยุติธรรมติดตามตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า คณะที่มายื่นหนังสือวันนี้มี 3 เรื่อง มีผู้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ตั้งแต่ปี 65-66 ในส่วนของคดีความอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 เรื่อง และอีกเรื่องเป็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากไทยเป็นระบบกล่าวหา แต่พนักงานสอบสวนต้องทำตามพยานหลักฐาน
แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ เราต้องมีสิทธิแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ ที่จะให้การปกป้องคุ้มครองพี่น้องประชาชนที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ภาษา และการแต่งกาย สามารถแสดงออกได้ ตรงนี้ก็อาจจะถูกมุมมองในกฎหมายอาญามาตรา 116 ซึ่งเป็นเรื่องการใช้ดุลยพินิจ ซึ่งในคำร้องที่ให้มาเพื่อร้องขอความเป็นธรรม
ฉะนั้นในส่วนของกระทรวงยุติธรรมจะมอบหมายให้รองปลัดกระทรวงที่อยู่ในคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมขอยืนยันว่า เราจะยึดตามหลักยุติธรรม คือกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด จะต้องไม่ใช้กฎหมายอยู่เหนือความยุติธรรม
@@ “ซูการ์โน” ถามธงบีอาร์เอ็นผิดตรงไหน?
นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งร่วมกับ พ.ต.อ.ทวี รับหนังสือจากนักกิจกรรมชายแดนใต้ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการใส่ชุดมลายูเป็นแนวคิดของหัวหน้าพรรคประชาชาติ และเราไม่คิดว่าการแต่งชุดมลายูซึ่งเป็นชุดประจำชาติ จะต้องเจอการปิดปากให้กับพี่น้องเยาวชนเปอร์มูดอในพื้นที่
“พวกเราพรรคประชาชาติขอยืนหยัดอยู่เคียงข้างความถูกต้อง เพราะที่ไหนถ้าไม่มีความยุติธรรม ความเจริญก็จะไม่เกิด และเชื่อมั่นในตัวของ รมว.ยุติธรรม ว่าจะสามารถนำความยุติธรรมมาให้กับพวกเราเยาวชนชายแดนใต้ ที่พยายามจะรักษาอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของพื้นที่ต่อไป”
“ก็ไม่เข้าใจว่าประเด็นการแต่งกายชุดมลายู การเรี่ยไรช่วยเหลือ กลายเป็นประเด็นมาตรา 116 คดีอั่งยี่ซ่องโจรได้อย่างไร ส่วนประเด็นที่ทราบมีเรื่องของธงบีอาร์เอ็น ถามว่าวันนี้ธงบีอาร์เอ็นมันผิดตรงไหน ในเมื่อคณะพูดคุยก็ยังไปเจรจากับพวกบีอาร์เอ็น”
@@ ยกทีมเข้าหารือยูเอ็น
วันเดียวกัน นักกิจกรรมกลุ่มเดียวกันนี้ ยังเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ ตัวแทนขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่อาคารองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนหารือเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายปิดปาก คดีทางการเมือง และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ด้านตัวแทนของสหประชาชาติ กล่าวว่า พร้อมเป็นตัวประสานกับผู้มีอำนาจในรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้กำลังใจกลุ่มนักกิจกรรม และจะช่วยเหลือนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่ต่อไป