การให้สัมภาษณ์ของรองนายกฯ สมศักดิ์ เทพสุทิน ในวันอังคารที่ 21 พ.ย.66 ส่งสัญญาณถึงปัญหาไฟใต้อย่างน่าสนใจหลายเรื่อง
ก่อนอื่นย้อนไปอ่านข่าวบทสัมภาษณ์ของรองฯสมศักดิ์ กันก่อน
ประเด็นแรก กรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.สันติภาพชายแดนใต้) ตั้งข้อสังเกตงานความมั่นคง และชายแดนใต้ของรัฐบาลชุดนี้ค่อนข้างสับสน ไม่ชัดเจน
รองฯสมศักดิ์ ตอบว่า การแบ่งงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตนเป็นคณะกรรมการร่วมด้วยหลายชุด และทำงานในลักษณะสอดประสานกับรองนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ไม่มีปัญหาใดๆ
การพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ก็เป็นกรอบที่รัฐบาลเดิมที่ทำไว้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ และตนเห็นว่าการแก้ปัญหาในภาพรวม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากได้มีการพูดคุยร่วมกัน ก็จะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง จึงอยากให้มีการพูดคุยกัน
ประเด็นที่ 2 แนวโน้มในการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทั้งหมดทุกอำเภอในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
รองฯสมศักดิ์ ตอบว่า การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯทั้งหมดจะเป็นลำดับสุดท้าย เพราะหากการพูดคุย (หมายถึงพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ) สำเร็จแล้ว การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
มั่นใจว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เพียงแต่กระทบกับเงื่อนไขต่อประชาชน แต่หากเราสามารถพูดคุยกัน ทำให้เกิดความปลอดภัยประชาชนก็รับได้ ก็เชื่อว่าจะนำไปสู่หนทางความสำเร็จหากทุกฝ่ายช่วยกัน
ประเด็นที่ 3 รองฯสมศักดิ์ บอกด้วยว่า วันที่ 27 พ.ย.นี้ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ และลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามการแก้ปัญหาในพื้นที่ และกระชับความสัมพันธ์กับประเทศมาเลเซียด้วย
จากบทสัมภาษณ์ รองนายกฯสมศักดิ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันประชุมคณะรัฐมนตรี ถอดรหัสได้ชัดเจนว่า รัฐบาลนายกฯเศรษฐา ไม่มีนโยบายยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
1.ท่าทีล่าสุด จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อพูดคุยสันติสุขสำเร็จแล้ว
ความหมายคือ หากกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขยืดเยื้อไปเรื่อยๆ รัฐบาลก็อาจประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ชายแดนใต้ต่อไปเรื่อยๆ เช่นกัน และอาจเกินกว่ากรอบเวลาที่ฝ่ายความมั่นคงทำแผนยุทธศาสตร์เอาไว้ ว่าจะยกเลิกทั้งหมดทุกอำเภอในปี 2570
โดยรัฐบาลนำการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปผูกกับผลกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ กับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ กล่าวคือจะยกเลิกเมื่อพูดคุยจบ หรือสันติสุขเกิด
2.การบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้เป็นปัญหาใดๆ ในมุมมองของรองนายกฯสมศักดิ์ และอาจจะหมายถึงในนามของรัฐบาลนายกฯเศรษฐาด้วย เพราะไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ไม่น่ากังวล แม้จะกระทบกับประชาชน สร้างเงื่อนไขบ้าง แต่ก็สามารถพูดคุยกันได้ ประชาชนรับได้เพราะทำให้เกิดความปลอดภัย
3.ยืนยันว่านายกฯเศรษฐา จะไปพบผู้นำมาเลเซีย ในวันที่ 27 พ.ย. ตามที่มีกำหนดการหลุดมาก่อนหน้านี้ และอาจมีการหารือเพื่อร่วมมือกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบ โดยช่วยกันบีบพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง และใช้พื้นที่ของทั้งสองประเทศในการปฏิบัติการ กบดาน และหลบซ่อนตัว