ปฏิเสธไม่ได้ว่า บทบาทของ กอ.รมน. สยายปีกชัดเจนที่สุดในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งในรัฐบาล คสช. หลังการยึดอำนาจปี 57 และรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ หลังการเลือกตั้งปี 62 รวมระยะเวลา 9 ปีเศษ
รากเหง้าความคิดของ พลเอกประยุทธ์ หาอ่านได้จากหนังสือ “กองทัพไทยกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ NON-TRADITIONAL THREATS” จัดพิมพ์โดยสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเรียบเรียงจากงานวิจัยของ พลเอก ประยุทธ์ ขณะเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. ขณะมีตำแหน่งเสนาธิการทหารบก
ไฮไลต์อยู่ในบทที่ชื่อว่า “ข้อเสนออนาคต กอ.รนม. กับภัยคุกคามรูปแบบใหม่” ระบุตอนหนึ่งว่า
- กอ.รมน. ตามกฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เป็นองค์กรของรัฐที่กำลังจะก้าวไปสู่การบริหารราชการภาครัฐแนวใหม่ เป็นหน่วยระดับ “กรม” ในสำนักนายกรัฐมนตรี
- กอ.รมน. คือองค์กรในความคาดหวังของสังคมที่จะเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ปัญหาความมั่นคงภายในก่อนเกิดเหตุการณ์ (Pre-crisis) และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เร่งด่วนเฉพาะหน้าที่ยังหา “เจ้าภาพ” ที่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายที่ชัดเจนไม่ลงตัว
- สิ่งที่ กอ.รมน. จะต้องผ่านวิกฤต 2 ประการ คือ
ประการแรก จะต้องจัดระบบและระเบียบตัวเอง คือดูแลบ้านตัวเองก่อน พร้อมๆ กับรับภารกิจที่รุมเร้าและท้าทายในด้านความแตกแยกทางการเมืองของประชาชน การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประการที่สอง กอ.รมน. จะต้องมีองค์กรเฉพาะกิจส่วนหนึ่งที่ช่วยในการคิดไปข้างหน้า ปูพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่จะเดินต่อไป ให้เป็น “องค์กรหลักที่เป็นอาชีพ เพื่อนำนโยบายจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปสู่ภาคปฏิบัติ” และมีการปรับเปลี่ยนองค์กรในลักษณะของ “องค์กรพลเรือน” มากยิ่งขึ้น โดยมี “ทหารเป็นพี่เลี้ยง”ไประยะหนึ่ง (ระยะหนึ่งที่ว่านี้ ก็คือระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ที่กองทัพบกมีบทบาทสูงสุดในองค์กร กอ.รมน.)
จะเห็นได้ว่าในยุคของ พลเอกประยุทธ์ ได้ใช้ กอ.รมน.เป็นหน่วยงานหลักในการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่แทบทุกอย่าง และใช้กลไกของกองทัพเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ภัยพิบัติ หรือแม้แต่โรคอุบัติใหม่ ตามที่รัฐธรรมนูญปี 2560 เปิดช่องเอาไว้ (ภารกิจของทหารให้รวมถึงการพัฒนาประเทศ)
และการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้กองทัพเข้าไปมีบทบาท ซึ่งเป็นการอุดช่องโหว่กฎหมายของ กอ.รมน.เอง ที่กำหนดนิยามของ “ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร” ให้หมายถึงภัยคุกคามที่เกิดจากบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ไม่รวมภัยธรรมชาติ หรือโรคภัยไข้เจ็บ โรคอุบัติใหม่ (จึงแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้อำนาจหน้าที่ของทหาร และ กอ.รมน.ครอบคลุมภัยพิบัติเหล่านี้ด้วย)
สรุปก็คือ อำนาจของ กอ.รมน.ในปัจจุบัน สยายปีกครอบคลุมภัยคุกคามทุกรูปแบบ โดยมีจุดเปลี่ยนที่รัฐบาล คสช.นั่นเอง
ความก้าวหน้าของ กอ.รมน. ดูได้จากฐานบัญชาการหลัก ที่สวนรื่นฤดี หรือ “สวนรื่น” เขตดุสิต กรุงเทพฯ จากอาคารเล็กๆ เก่าๆ กลายเป็นอาคารใหญ่โต ทันสมัยโอ่อ่า
ไม่ต่างจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ค่ายสิรินธร ปัตตานี ใครไม่ได้แวะไปเยือนหลายปี เข้าไปวันนี้อาจจำแทบไม่ได้ เพราะใหญ่โตขยายใหญ่เกือบทั้งภูเขากันเลยทีเดียว
จากหน่วยงานที่จะถูกยุบแหล่ไม่ยุบแหล่ กลายเป็นหน่วยงานอำนาจล้นฟ้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!