“ประชาชาติ” ผลักดันล้างประวัติอาชญากรรมให้ผู้บริสุทธิ์ที่คดีสิ้นสุดแล้ว หลังประชาชนร้องเรียนชื่อติด “แบล็กลิสต์” ออกนอกประเทศไม่ได้ กลายเป็นผู้ร้ายทั้งที่ไม่มีความผิด เสียศักดิ์ศรีแถมอับอาย พื้นที่ชายแดนใต้พบเพียบ ทั้งหมาย พ.ร.ก. คดีความมั่นคง ศาลยกฟ้อง แต่ยังมีตราบาป
การมีชื่อในประวัติอาชญากรรม ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวของประชาชน พบมากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากมีการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ โดยเฉพาะกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่สามารถออกหมายเชิญตัว (หมาย ฉฉ.) ได้โดยไม่ต้องตั้งข้อหา และถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวเข้ากระบวนการซักถามได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อหาก่อน และไม่มีทนาย รวมระยะเวลาสูงสุดถึง 37 วัน
ขณะเดียวกัน พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ประชาชนเดินทางข้ามไป-มา ทั้งไปทำงาน เยี่ยมญาติ เนื่องจากความสัมพันธ์ของคนสองประเทศแน่นแฟ้น แต่การเดินทางไปต่างประเทศกลับพบปัญหาบ่อย เนื่องจากมีชื่อติดแบล็กลิสต์ เคยถูกออกหมาย ฉฉ. บางคนก็ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน ทำให้เดินทางไม่ได้ หรือบางคนเคยถูกเชิญตัวเข้ากระบวนการซักถามแล้ว และได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว เนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบ หรือคดีความมั่นคง แต่ชื่อยังติดอยู่ใน “แบล็กลิสต์” ทำให้ประสบปัญหาในการดำเนินชีวิต
ที่ผ่านมาในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคประชาชาติเคยประกาศนโยบายว่าจะผลักดันให้ยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการล้างข้อมูลประวัติอาชญากรรมให้ผู้ที่คดีสิ้นสุด เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว เพื่อคืนศักดิ์ศรีให้ประชาชน
ปัจจุบันพรรคประชาชาติได้เข้าร่วมรัฐบาล และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จึงเดินหน้าผลักดันนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม
@@ ลบประวัติทุกกลุ่มที่ไม่เคยถูกศาลชี้ว่าผิด
นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ โฆษกพรรคประชาชาติ กล่าวว่า มีผลการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก คือการบันทึกประวัติอาชญากรรม แต่ไม่ยอมลบประวัติอาชญากรรมทั้งๆ ที่คดีสิ้นสุดแล้ว
“เราได้รับการร้องเรียนจากบุคคลที่ไม่สมควรจะมีประวัติอาชญากรรม ยกตัวอย่างเช่น บุคคลที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลพิพากษายกฟ้อง หรืออีกหลายกรณี โดยเฉพาะผู้ที่ถูกออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่เรื่องทุกอย่างยกเลิกเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่เมื่อต้องไปติดต่อส่วนราชการหรือต้องการเดินทางไปต่างประเทศ หรือทำอะไรก็แล้วแต่ที่ต้องตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล จะประสบปัญหาข้อมูลประวัติเก่าในทางคดียังตกค้าง”
“เราต้องการผลักดันให้มีการดำเนินการ ขจัดปัญหาอุปสรรคให้บุคคลที่บริสุทธิ์ หรือคนที่ศาลไม่เคยตัดสินว่ามีความผิด หรือคนที่เคยถูกหมายเรียก แต่ไม่ได้ถูกดำเนินคดี เราจะให้ลบข้อมูลประวัติออกจากฐานข้อมูลประวัติอาชญากรรมทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนที่จะเดินทางไปทำงานในประเทศมาเลเซีย เมื่อไปถึง ตม.ก็มีหมายค้างหรือมีหมายจับที่ยังคงค้าง ทำให้มีปัญหาและอุปสรรคหลายอย่างในการเดินทาง”
@@ ทำทั่วประเทศไม่เฉพาะชายแดนใต้
นายกมลศักดิ์ กล่าวต่อว่า พรรคประชาชาติมีนโยบายผลักดันผ่านไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เร่งดำเนินการให้หลายหน่วยงานมาบูรณาการร่วมกันในเรื่องกฎหมายและระเบียบที่ต้องแก้ไข เพื่อลบประวัติบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีซึ่งมีอยู่จำนวนมากทั่วประเทศ ไม่เฉพาะสามจังหวัดภาคใต้ โดยพรรคประชาชาติจะเร่งผลักดันให้มีการดำเนินการ เพื่อไม่ให้ไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอีกต่อไป
@@ จนท.อ้างทำอยู่แล้ว แต่ต้องร้องมาถึงเคลียร์
ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ประวัติการติดแบล็กลิสต์ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นใครบ้าง หรือมีจำนวนเท่าใด จนกว่าจะเจอปัญหาแล้วมาตรวจสอบ และแก้ปัญหาเป็นรายๆ ไป ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการไปแล้วจำนวนมาก และได้ทำจริงๆ แต่ก็อย่างที่บอกต้องเจอปัญหาก่อนถึงจะสามารถรู้ได้ว่ามีชื่อในประวัติ ถ้าแจ้งมาก็จะดำเนินการแก้ปัญหาให้
@@ ชาวบ้านครวญตราบาป - เสียศักดิ์ศรี
ประชาชนรายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ซึ่งมีภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นผู้มีประวัติอาชญากรรม เผยว่า ตนเคยโดนคดีความมั่นคง แต่ศาลสั่งยกฟ้องตั้งแต่ปี 2558 จนวันที่จะไปส่งลูกเรียนต่างประเทศ ก็พบว่าตนเองยังมีชื่อในประวัติอาชญากรรมอยู่อีก ทั้งที่มันจบไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ตม.บอกว่า มีเอกสารอะไรเอามาให้หมด จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็โทรไปถามตำรวจท้องที่ว่า ตนเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัวด่วนหรือไม่ กว่าจะจบเรื่องได้ก็ใช้เวลา
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกตกใจ ศักดิ์ศรีหายหมด เพราะเขาจะเขียนกำกับไว้ที่หนังสือเดินทางเลย มันเหมือนประทับตราความผิดที่ไม่ได้ทำ ยังไม่นับเรื่องที่โดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรอีก ถูกจำคุกอยู่หลายปี (ไม่ได้ประกันระหว่างต่อสู้คดี) เมื่อคดีจบ ยังมีตราบาปติดตัวอีก” เหยื่อกระบวนการยุติธรรม กล่าว