“อ.วันนอร์” แจงดราม่าหลังโดนถล่มการทำหน้าที่ประธานรัฐสภา โหวตเลือกนายกฯ “ปิดสวิตช์พิธา” ยันทำดีที่สุดแล้ว จะกี่ยกก็ไม่มีวันท้อ ชี้ วินิจฉัยแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ จึงใช้มติรัฐสภาย่อมดีกว่าคนใดคนหนึ่งตัดสินใจ เมินทัวร์ลง ย้ำทำหน้าที่เป็นกลาง
กระแสวิจารณ์การทำหน้าที่ประธานรัฐสภาของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังคงร้อนแรง หลังจากเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ประชุมลงมติปิดสวิตช์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จนไม่สามารถเสนอชื่อเป็นนายกฯซ้ำอีกได้ เนื่องจากที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าการเสนอชื่อนายกฯให้รัฐสภาโหวต ถือเป็นญัตติ หากโหวตไม่ผ่านรอบแรก แปลว่าญัตติตกไป เสนอซ้ำในสมัยประชุมเดียวกันไม่ได้
ทำให้ล่าสุด วันศุกร์ที่ 21 ม.ค.66 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ได้นัดแถลงข่าวชี้แจง โดยบอกว่า การประชุมวันนั้น เป็นการประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 แต่ก่อนการประชุมมีข้อคิดเห็นที่ยังไม่ตรงกัน คือ มีบางฝ่ายเสนอว่า ไม่ควรเสนอชื่อซ้ำ เพราะจะไปขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 41 แต่มีอีกฝ่ายเห็นว่า การเสนอเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ญัตติปกติทั่วไป เป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุมฯ หมวด 9 ที่ได้ออกมาเป็นพิเศษเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
จากความเห็นที่ไม่ตรงกัน จึงเกิดการถกเถียงกันว่าไม่ควรใช้ข้อบังคับฯ ข้อ 41 และในการประชุมวิป 3 ฝ่าย เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป จึงต้องไปขอความคิดเห็นต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 19 ก.ค. แต่การถกเถียงก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และจากการที่ได้ฟังการอภิปรายตลอด 6 ชั่วโมง ไม่มีใครอภิปรายว่า มีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงตัดสินใจวินิจฉัยให้ลงมติ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์ตนเองเกิดขึ้น
ส่วนที่มีบางฝ่ายเห็นว่า ประธานรัฐสภามีอำนาจชี้ขาดในเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องลงมติ เพราะเมื่อปล่อยให้ลงมติ ก็รู้ผลล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะไม่ผ่านนั้น
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า “ชี้ขาดได้ แต่ก็มีคนฟ้องได้ ไม่ใช่ไม่กล้าที่จะชี้ขาด แต่วินิจฉัยแล้วว่าไม่มีข้อมูลที่จะชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ก็เป็นเรื่องของข้อขัดแย้ง จึงใช้ข้อบังคับฯ ข้อที่ 151 การให้สภาตีความนั้นดีกว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ใครคนใดคนหนึ่งตัดสินใจ”
พร้อมย้ำว่า ไม่ว่ายกไหนก็จะไม่มีวันที่จะท้อใจ เมื่อรับหน้าที่แล้ว ก็จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
นายวันมูหะมัดนอร์ ยืนยันว่า ตนเองยึดหลักที่เคยพูดไปแล้ว คือ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ส่วนในการโหวตครั้งที่ 3 จะเสนอชื่อเดิมได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ตอบไม่ถูก ต้องแล้วแต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลอาจไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยว่ามติที่ประชุมรัฐสภา ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ และหากศาลวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องดำเนินไปตามนั้น เพราะมีผลผูกพันทุกองค์กร
“ใครจะทัวร์ลง ใครจะคิดเห็นอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถคิดแตกต่างได้ ส่วนตัวไม่มีปัญหา และยอมรับได้ ผมทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ทำด้วยความเป็นกลางแล้ว เป็นเรื่องธรรมดา หากต้องตัดสินอะไร ย่อมมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย”
ประธานรัฐสภา บอกด้วยว่า สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรอบต่อไป ยังเป็นวันที่ 27 ก.ค. ซึ่งได้ออกหนังสือเชิญประชุมแล้ว และจะประชุมวิป 3 ฝ่ายในวันพุธที่ 26 ก.ค. เวลา 14.00 น.