เป็นที่น่าสังเกตว่า คดีความที่เกี่ยวโยงกับงานสัมมนา “ประชามติเอกราชปาตานี" ยังไม่มีความคืบหน้าตามกระบวนการทางกฎหมายแต่อย่างใด
แม้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะนำพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เกี่ยวข้องล็อตแรกอย่างน้อย 5 คน กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.66
นับถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ก็ล่วงเลยมากว่า 7 วันแล้ว แต่กลับยังไม่มีการติดต่อหรือออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา
“ศูนย์ข่าวอิศรา” ติดต่อไปยัง ฮากิม พงตีกอ อดีตรองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม ซึ่งไปร่วมบรรยายในงานสัมมนา “ประชามติเอกราช” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาด้วย
ฮากิม บอกว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวนให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา และยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อตนเลยแม้แต่คนเดียว
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ส่งท้ายเดือน มิ.ย. ทั้ง พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และ พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพ ออกมายืนยันตรงกันว่า กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อแจ้งความเอาผิดผู้ต้องหาล็อต 2 โดยไม่ปฏิเสธว่ามีฝ่ายการเมืองและพรรคการเมืองรวมอยู่ด้วย
แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายกับผู้ถูกกล่าวหาชุดแรก และการร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาชุดที่ 2
ที่สำคัญยังมีคดีอาญาที่ ศรีสุวรรณ จรรยา จากองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้กับพนักงานสอบสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่กรุงเทพฯ อีก 1 คดี โดยแจ้งข้อหาฉกรรจ์หลายข้อหา ทั้งกบฏ ยุยงปลุกปั่น และการกระทำให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักร ตกอยู่ในอำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือทำให้เอกราชองรัฐเสื่อมไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116 และ 119 โดยคดีในส่วนนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นกัน
เช่นเดียวกับคดีการเมืองที่ ศรีสุวรรณ หอบหลักฐานไปร้อง กกต.เป็นครั้งที่ 2 แล้ว (ครั้งที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย.) แต่ก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ จาก กกต.ว่าจะรับลูกดำเนินการต่ออย่างไร หรือไม่
ความเคลื่อนไหวที่เงียบสนิทนี้ ทำให้มีกระแสวิจารณ์ว่า การขยับดำเนินคดีทั้งอาญา และการเมืองกับบุคคลและพรรคการเมือง เป็นเกมการเมืองที่ถูกปลุกกระแสขึ้นมาในช่วงเวลาที่กำลังจะมีการโหวตเลือกประธานสภาและนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าวส่งต่อกันทางแอปพลิเคชั่นไลน์ และข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการจากฝ่ายความมั่นคงว่า กำลังมีการรวบรวมหลักฐานการพยายามส่งสัญญาณแบ่งแยกส่วนอื่นๆ ของราชอาณาจักร เช่น ล้านนา, มลายู ผ่านการสัมนาเชิงปลุกระดมต่างๆ เพื่อเตรียมดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง แต่ความคืบหน้าก็ยังไม่ปรากฏชัด
ก่อนหน้านี้ “ศูนย์ข่าวอิศรา” ตรวจสอบความเห็นจากนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญ ได้ข้อมูลว่า ข้อกล่าวหาที่มีการแจ้ง และขู่จะแจ้งดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหานั้น น่าจะเอาผิดยาก เพราะขาดองค์ประกอบความผิด โดยเฉพาะ “เจตนาพิเศษ” ในการทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
----------------------------------
อ่านประกอบ : “ทวี” ย้อน “บิ๊กตู่” ผู้เห็นต่างฯเรียกร้องเอกราชไม่เห็นเคยดิ้นไปจัดการ